จีนอาจเริ่มการซื้อขายเงินหยวนกับเงินรูเบิ้ลของรัสเซียในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการใช้เงินหยวนในวงการการค้าโลกแทนเงินดอลลาร์ โดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากนายธนาคารที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ 3 คน
ธนาคารกลางของจีนได้ส่งเอกสารให้กับธนาคารต่างๆเพื่อประกาศการรับสมัครธนาคารที่ต้องการใบอนุญาตซื้อขายเงินหยวนกับรูเบิ้ลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและกระบวนการอนุมัติใบอนุญาตอาจใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ แหล่งข่าวจากนายธนาคารคนหนึ่ง (ในกลุ่ม 3 คนที่อ้างถึง) ที่ไม่ขอเปิดเผยตัวเนื่องจากขั้นตอนยังไม่ประกาศต่อสาธารณะกล่าวกับบลูมเบิร์ก ธนาคารกลางจีนเริ่มอนุญาตให้มีการซื้อขายเงินหยวนกับเงินริงกิตของมาเลเซียเมื่อวันที่ 19 สิงหาึคมที่ผ่านมา
การค้าข้ามแดนโดยใช้เงินหยวนพุ่งขึ้นมากกว่าเท่าตัวมาอยู่ที่ 48,700 ล้านหยวน (7,200 ล้านดอลลาร์) ในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ข้อมูลจากธนาคารกลางจีนระบุ ขณะเดียวกันบรรดาหน่วยงานของทางการที่เกี่ยวข้องก็ได้กระตุ้นให้มีการออกหลักทรัพย์ในรูปเงินหยวนในตลาดต่างประเทศ ล่าสุดบริษัท United Co. Rusal ของมหาเศรษฐีพันล้านชาวรัสเซีย โอเล็ก เดริปัสก้ากำลังวางแผนออกตราสารหนี้ในรูปของเงินหยวนเป็นรายแรกโดยบริษัทรัสเซีย
“การผลักดันการใช้เงินหยวนทั่วโลกกำลังเข้มข้นขึ้น” นายดาริอุส โควัลซิค นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากเครดิตอากริโคล ซีไอบีในฮ่องกงกล่าวกับบลูมเบิร์ก “นี่หมายถึงการกำจัดดอลลาร์จากระบบการค้า”
เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของธนาคารกลางจีนซึ่งปฏิเสธจะเปิดเผยชื่อเพราะระเบียบของธนาคารปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเรื่องนี้
ปัจจุบันประเทศจีนอนุญาตให้สามารถซื้อขายเงินหยวนกับเงินตราสกุลต่างๆได้แก่ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เงินดอลลาร์ฮ่องกง เงินเยนญี่ปุ่น เงินยูโร เงินปอนด์อังกฤษ และเงินริงกิตมาเลเซีย โดยผ่านตลาดระหว่างธนาคาร โดย CFETC หรือ China Foreign Trading Center เป็นผู้ให้ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงระหว่างเงินหยวนกับเงินสกุลต่างๆในแต่ละวัน
คู่ค้า
ธนาคารเอชเอสบีซี (จีน) และธนาคารเพื่อการสื่อสารหรือ BoCom (Bank of Communications Co.) ประสบความสำเร็จในการทำธุรกรรมเงินหยวน-ริงกิตเป็นครั้งแรกแล้ว จากข้อมูลของ CFETC ธนาคารกลางจีนได้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเสนออัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนจับคู่กับเงินตราสกุลอื่นๆรวมถึงรูเบิ้ล วอน และ ริงกิต เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางที่ไม่ระบุชื่อเปิดเผยเมื่อดือนเมษายนที่ผ่านมา
บราซิล รัสเซีย จีน และ อินเดีย หรือที่รู้จักกันในนามกลุ่ม BRIC ได้เดินหน้าความร่วมมือเพื่อให้เกิดหลักประกันว่า จะต้องมีการคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนาในเวที G20 ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เดือนพฤศจิกายนนี้
เดือนมิถุนายนที่ผ่านมานายดิมิทรี เมดเวเดฟ ประธานาธิบดีรัสเซียได้เรียกร้องให้มีการเพิ่มจำนวนเงินตราสกุลต่างๆในระบบเงินตราสกุลหลักของโลกให้มากขึ้น นายป่า ซูซ่ง (Ba Shusong) รองผู้อำนวยการด้านสถาบันการเงินจากศูนย์วิจัยการพัฒนา สังกัดคณะรัฐมนตรีจีนได้ออกโรงเตือนว่า ความผันผวนของเงินดอลลาร์อาจกระทบต่อมูลค่าของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมูลค่า 2.45 ล้านล้านดอลลาร์ของจีนได้
ต้องการดอลลาร์น้อยลง
แนวโน้มที่ประเทศกำลังพัฒนาจะเริ่มค้าขายโดยใช้เงินตราสกุลท้องถิ่นของตัวเอง “ควรจะนำไปสู่ความต้องการดอลลาร์ที่น้อยลงในตลาด” นายดักลาส บอร์ธวิค กรรมการผู้จัดการจาก ฟาโรส เทรดดิ้ง แอลแอลซี ในคอนเนกติกัต ให้ความเห็นกับบลูมเบิร์ก “มันจะช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของทุนสำรองในรูปดอลลาร์ในระยะยาวอย่างแน่นอน”
จีนแซงหน้าเยอรมนีเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับ 2 ของรัสเซียในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งการค้าที่เพิ่มขึ้นได้รับแรงหนุนจากการส่งออกจากบรรดาผู้ผลิตโภคภัณฑ์รายใหญ่ของรัสเซียรวมถึง OAO GMK Norilsk Nickel และ OAO Rosneft
Rusal ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมินัมใหญ่่ที่สุดในโลกกำลังเตรียมออกพันธบัตรเงินหยวน นายโอเล็ก มูคาเม็ดชิน หัวหน้า่ฝ่ายตลาดทุนของบริษัทกล่าวกับผู้สื่อข่าวในที่ประชุมการลงทุนจีนในกรุงมอสโคว์เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา บริษัทเป็นเจ้าของโรงหลอม 2 แห่งในจีน เงินฝากหยวนในฮ่องกงพุ่งขึ้น 65% ในปีนี้มาอยู่ที่ 103,700 ล้านหยวน สูงที่สุดนับแต่ธนาคารกลางฮ่องกงอนุญาตให้มีการตั้งบัญชีเงินฝากเป็นหยวนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2004
ที่มา Bloomberg