ที่เกิดเหตุลานจอดรถชั้น 1A เจ้าหน้าที่ตำรวจพบถุงผ้าทะเลแบบทหารขนาดใหญ่สีดำถูกวางพิงไว้กับผนังกำแพงผนังห้องสต็อคสินค้าบริเวณทางลงลานจอดรถชั้นดังกล่าว จึงทำการปิดล้อมกันประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องออกนอกลานจอดรถเนื่องจากขณะเกิดเหตุยังมีประชาชนกำลังเข้ามาใช้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจะนำเครื่องตรวจวัตถุระเบิดมาตรวจสอบถุงดังกล่าวพบว่าภายในมีสารระเบิด จึงได้นำเครื่องยิงวัตถุระเบิดแรงดันน้ำเข้ามายิงทำลายเพื่อตัดสัญญานวงจรระเบิด
จากการตรวจสอบถุงผ้าดังกล่าวพบถังดับเพลิงขนาด 5 กก.ถูกพันหุ้มด้วยกระดาษกาวติดกับหัวน๊อตเรียงอยู่รอบถังพร้อมแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์จำนวน 1 ก้อน แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 1 แผง นาฬิกาดิจิตอลจำนวน 1 เรือน ภายในถังดับเพลิงบรรจุปุ๋ยยูเรียผสมน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเป็นสารตั่งต้นวัตถุระเบิดพร้อมทำงานตลอดเวลา โดยใช้วิธีการจุดระเบิดแบบหน่วงเวลาเพื่อจุดระเบิดหรือที่เรียกว่าระบบวงจรติก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสัณณิฐานว่าคนร้ายนำระเบิดเข้ามาซุกที่ลานจอดรถดังกล่าวก่อนที่ทางห้างจะปิดในเวลา 22.00 น. โดยมุ่งหวังให้เกิดการระเบิดซึ่งจะมีรัศมีทำลายระยะหวังผล 30 เมตร คาดว่าคนร้ายน่าจะสร้างสถานการณ์ป่วนเมือง
ต่อมาเวลา 20.50 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.สุรสิทธิ์ โสตะวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ได้รับแจ้งพบวัตถุระเบิดชนิดเดียวกับที่ห้างสรรพสินค้าเดอะ มอลล์งามวงศ์วาน จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมรายงานผู้บังคับบัญชา ที่เกิดเหตุลานจอดรถข้างตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเจ้าหน้าที่พบถุงผ้าทะเลแบบทหารขนาดใหญ่สีดำถูกวางทิ้งไว้ข้างรถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้า สี่บร์อนเงิน ทะเบียน นค4060 นนทบุรี ติดรถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้า สี่บร์อนเงิน ทะเบียน นบ 2580 นนทบุรี ซึ่งรถตู้ทั้ง 2 คัน เป็นรถของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดชุดเดียวกันจึงนำเครื่องตรวจวัตถุระเบิดมาตรวจสอบถุงดังกล่าวพบว่าภายในมีสารระเบิด จึงได้นำเครื่องยิงวัตถุระเบิดแรงดันน้ำเข้ามายิงทำลายเพื่อตัดสัญญานวงจรระเบิด พบระเบิดบรรจุในถังแก็สชนิดเดียวกันกับที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอล์ล
พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.1 กล่าวว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เพิ่มการตรวจค้นให้เข้มงวดกว่าเดิม พร้อมทั้งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังสถานที่ราชการ และบ้านพักบุคคลสำคัญอย่างสูงสุด เนื่องจากมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีคอยสร้างสถานการณ์ป่วนเมือง และอาจก่อเหตุซ้ำขึ้นอีก พร้อมทั้งให้ชุดสืบสวนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆด้วย เนื่องจากอาจะเห็นภาพของคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. เรียกประชุมชุดทำงานประกอบด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น. 1 เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อประชุมคลี่คลายคดีระเบิดที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ทีผ่านมา
จากการประเมินตรวจสอบวัตุพยานหลักฐานในเบื้องต้น ทั้งที่บริเวณด้านหน้าโรงเรียนสันติราษฎร์ ,ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์งาน และที่กระทรวงสาธาณสุขนั้น พบว่าเป็นระเบิดชนิดเดียวกัน เป็นการประกอบในลักษณะเดียวกัน ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นฝีมือของคนเดียวกัน ทั้ง 3 จุด และถังดับเพลิงที่ใช้เป็นถังดับเพลิงที่มีการขโมยมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าขโมยมาจากที่ไหน ระเบิดที่สามารถเก็บกู้ได้ ลักษณะการประกอบแบบนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯและ ปริมณฑล แต่ก็ไม่ได้คล้ายคลึงเหตุการณ์ในภาคใต้สักทีเดียว ซึ่งระเบิดที่ประกอบสามารถตั้งเวลา ให้ระเบิดทำงานได้ 7 วัน
จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทำให้ทางพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. กำชับสั่งการให้เพิ่มมาตราการ ป้องกันดูแลความปลอดภัย ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนมากขึ้น และต้องขอขอบคุณประชาชนที่เป็นพลเมืองดีและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สามารถแจ้งวัตถุต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ จนสามารถเก็บกู้ได้ทัน
เหตุการณ์วางระเบิดที่เกิดขึ้น ไม่ได้ฟันธงว่า เป็นการประสงค์ต่ออะไร แต่เชื่อว่าเป็นการก่อเหตุที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง ต้องการสร้างความรู้สึกตื่นตัว ไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อยากฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ทีาเกิดขึ้น และให้รู้จักช่างสังเกตุระแวดระวัง หากพบสิ่งใด เห็นสิ่งผิดสังเกตุต้องสงสัย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบทันที
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่พอมีเบาะแส ข้อมูล พยานหลักฐานและบุคคลต้องสงสัย ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมและติดตามมาตรวจสอบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 3 จุดนั้นที่บริเวณกระทรวงสาธารณสุขน่าจะมีภาพวงจรปิด ซึ่งคาดว่าจะสามารถจับภาพของบุคคลต้องสงสัยไว้ได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบอยู่”
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1738 ครั้ง