วันที่ 17 ก.ย.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาพบที่ทำเนียบรัฐบาล จากกรณีทีสมาคมข้าราชการบำนาญกระทรวงมหาดไทยได้ยื่นฎีกาคัดค้านการแต่งตั้ง อธิบดีกรมการปกครอง ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย และมีรายงานทางสำนักพระราชวัง ได้ส่งเรื่องมาให้รัฐบาลว่า มีการร้องเรียนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างคอมพิวเตอร์ของกระทรวงมหาดไทยไม่ โปร่งใสว่า มีการร้องเรียนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างคอมพิวเตอร์ของกระทรวงมหาดไทยไม่ โปร่งใสว่า หลังจากได้ดูข้อมูลโครงการคอมพิวเตอร์ ของกระทรวงมหาดไทย จากทุกส่วนมาดู เลยแจ้งให้ทราบว่า จะขอให้ชะลอและนำเรื่องที่จะมีการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยกลับมาที่สำนัก เลขาธิการนายกรัฐมนตรีก่อน เพื่อมาตรวจสอบในเรื่องของโครงการให้ชัดเจน ซึ่งบังเอิญนายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง ไปมีส่วนเกี่ยวข้อง
นายกฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เบื้องต้นตนได้เชิญทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ที่ให้ข่าว และเชิญอธิบดีมาซักถาม โดยจากการให้ข้อมูลทั้งสองฝ่าย จึงได้ขอให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไปหาเอกสารที่เกี่ยวข้อง และมีการอ้างอิงถึงทั้งหมด และมาวิเคราะห์ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา แล้วจึงส่งรายงานมาให้เมื่อเช้าจึงได้เรียนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ทราบว่า ตนได้ตัดสินใจให้มีการชะลอการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนายชวรัตน์ ก็ได้เข้าใจ ไม่ได้มีข้อโต้แย้งอะไร ขณะ นี้ ก็ได้ชะลอในเรื่องดังกล่าวก่อน และต้องดูในรายละเอียดอีกครั้ง เพราะเอกสารมีมาก ต้องให้เวลาทุกฝ่ายช่วยกันดู ส่วนจะใช้เวลาเท่าไรนั้น ตนจะพยายามเร่งดูเอกสาร รวมถึงในวันเสาร์ อาทิตย์ ด้วย ซึ่งถ้ามีขั้นตอนไม่โปร่งใสจริงขั้นตอนต่อไปก็ต้องดูว่าจะดำเนินการอย่างไร ต่อไป เพราะว่ามีการตรวจสอบอยู่หลายฝ่าย
เมื่อถามว่า ในตัวโครงการที่มีการลงนามไปแล้วนั้นจะทำอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องตรวจสอบก่อน ซึ่งเข้าใจว่ามีการลงนามไปเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา เมื่อถามว่า การตัดสินใจครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการยื่นถวายฎีกาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะว่าประเด็นที่มีการฎีกา เป็นประเด็นที่ยื่นเกี่ยวกับความอาวุโส ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของความอาวุโส หลักเกณฑ์ในเชิงของกฎระเบียบ
เมื่อถามว่า จะเป็นการล้วงลูกของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนก็มีความรับผิดชอบอยู่ ส่วนบรรยากาศในการทำงานก็ยังดี ไม่มีอะไร ส่วนจะมีเสียงสะท้อนหรือไม่ที่เกิดปัญหาในการแต่งตั้งบุคลากรของกระทรวง มหาดไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้ไปถึงตรงนั้น มีเหตุในเรื่องของตัวโครงการ ก็ได้เข้าไปตรวจสอบ และดูว่าเกี่ยวข้องกับใคร และต้องให้ทุกอย่างมีความชัดเจนก่อน สำหรับในเรื่องความรับผิดชอบของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงนี้ ขณะนี้คงต้องรอดูรายละเอียดทั้งหมด เพราะว่าส่วนของโครงการดังกล่าวมันเกิดขึ้นที่หลังมติคณะรัฐมนตรีในการแต่ง ตั้ง แต่เมื่อเกิดเหตุ และมีเสียงทักท้วงขึ้นมา ก็อย่างที่ได้เคยบอกว่าให้ส่งข้อมูลมา และจะตรวจสอบให้ทุกเรื่อง เมื่อเห็นว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรก็จะต้องดำเนินการ
ส่วนเรื่องของการทดสอบที่มีการอ้างว่าทำกันไปก็ว่ากันไป แต่ขณะนี้ตนก็ได้ย้ำว่า ต้องระมัดระวังเพราะว่าถ้ามีปัญหาขึ้นมา ถ้าจะรื้อของเก่าก็จะเป็นปัญหา ซึ่งถ้าตนจำไม่ผิดมติของคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารแห่งชาติ ระบุว่าอย่างไรก็ตามจะต้องสามารถดำเนินการอย่างคู่ขนานไปได้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบกับความมั่นคงในเรื่องข้อมูลที่จะต้องใช้ ในส่วนของตัวโครงการที่มีการลงนามไปแล้วจะต้องไปการตรวจสอบ ดูรายละเอียดทางเทคนิค และดูเรื่องการแก้ไขปัญหาถ้ามีอย่างไร ส่วนตัวบุคคลเนื่องจากมาเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวก็ต้องมีการชะลอไว้ก่อน ซึ่งจะพยายามให้จบภายในเสาร์ อาทิตย์นี้
เมื่อถามว่า ถึงไม่ถึงในช่วงเดือนตุลาคมนี้ จะทำให้เกิดสุญญากาศ นายรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องใช้วิธีการบริหารตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินไป อาทิเช่น การมีรักษาการ ก็สุดแล้วแต่ ซึ่งยังไม่ได้สรุปถึงขั้นดังกล่าว ทั้งนี้เงื่อนเวลาไม่ได้มาบีบ ต้องให้กระบวนการในเรื่องของความชัดเจนในเรื่องของตัวโครงการทำได้เต็มที่
นายกฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เบื้องต้นตนได้เชิญทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ที่ให้ข่าว และเชิญอธิบดีมาซักถาม โดยจากการให้ข้อมูลทั้งสองฝ่าย จึงได้ขอให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไปหาเอกสารที่เกี่ยวข้อง และมีการอ้างอิงถึงทั้งหมด และมาวิเคราะห์ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา แล้วจึงส่งรายงานมาให้เมื่อเช้าจึงได้เรียนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ทราบว่า ตนได้ตัดสินใจให้มีการชะลอการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนายชวรัตน์ ก็ได้เข้าใจ ไม่ได้มีข้อโต้แย้งอะไร ขณะ นี้ ก็ได้ชะลอในเรื่องดังกล่าวก่อน และต้องดูในรายละเอียดอีกครั้ง เพราะเอกสารมีมาก ต้องให้เวลาทุกฝ่ายช่วยกันดู ส่วนจะใช้เวลาเท่าไรนั้น ตนจะพยายามเร่งดูเอกสาร รวมถึงในวันเสาร์ อาทิตย์ ด้วย ซึ่งถ้ามีขั้นตอนไม่โปร่งใสจริงขั้นตอนต่อไปก็ต้องดูว่าจะดำเนินการอย่างไร ต่อไป เพราะว่ามีการตรวจสอบอยู่หลายฝ่าย
เมื่อถามว่า ในตัวโครงการที่มีการลงนามไปแล้วนั้นจะทำอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องตรวจสอบก่อน ซึ่งเข้าใจว่ามีการลงนามไปเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา เมื่อถามว่า การตัดสินใจครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการยื่นถวายฎีกาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะว่าประเด็นที่มีการฎีกา เป็นประเด็นที่ยื่นเกี่ยวกับความอาวุโส ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของความอาวุโส หลักเกณฑ์ในเชิงของกฎระเบียบ
เมื่อถามว่า จะเป็นการล้วงลูกของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนก็มีความรับผิดชอบอยู่ ส่วนบรรยากาศในการทำงานก็ยังดี ไม่มีอะไร ส่วนจะมีเสียงสะท้อนหรือไม่ที่เกิดปัญหาในการแต่งตั้งบุคลากรของกระทรวง มหาดไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้ไปถึงตรงนั้น มีเหตุในเรื่องของตัวโครงการ ก็ได้เข้าไปตรวจสอบ และดูว่าเกี่ยวข้องกับใคร และต้องให้ทุกอย่างมีความชัดเจนก่อน สำหรับในเรื่องความรับผิดชอบของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงนี้ ขณะนี้คงต้องรอดูรายละเอียดทั้งหมด เพราะว่าส่วนของโครงการดังกล่าวมันเกิดขึ้นที่หลังมติคณะรัฐมนตรีในการแต่ง ตั้ง แต่เมื่อเกิดเหตุ และมีเสียงทักท้วงขึ้นมา ก็อย่างที่ได้เคยบอกว่าให้ส่งข้อมูลมา และจะตรวจสอบให้ทุกเรื่อง เมื่อเห็นว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรก็จะต้องดำเนินการ
ส่วนเรื่องของการทดสอบที่มีการอ้างว่าทำกันไปก็ว่ากันไป แต่ขณะนี้ตนก็ได้ย้ำว่า ต้องระมัดระวังเพราะว่าถ้ามีปัญหาขึ้นมา ถ้าจะรื้อของเก่าก็จะเป็นปัญหา ซึ่งถ้าตนจำไม่ผิดมติของคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารแห่งชาติ ระบุว่าอย่างไรก็ตามจะต้องสามารถดำเนินการอย่างคู่ขนานไปได้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบกับความมั่นคงในเรื่องข้อมูลที่จะต้องใช้ ในส่วนของตัวโครงการที่มีการลงนามไปแล้วจะต้องไปการตรวจสอบ ดูรายละเอียดทางเทคนิค และดูเรื่องการแก้ไขปัญหาถ้ามีอย่างไร ส่วนตัวบุคคลเนื่องจากมาเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวก็ต้องมีการชะลอไว้ก่อน ซึ่งจะพยายามให้จบภายในเสาร์ อาทิตย์นี้
เมื่อถามว่า ถึงไม่ถึงในช่วงเดือนตุลาคมนี้ จะทำให้เกิดสุญญากาศ นายรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องใช้วิธีการบริหารตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินไป อาทิเช่น การมีรักษาการ ก็สุดแล้วแต่ ซึ่งยังไม่ได้สรุปถึงขั้นดังกล่าว ทั้งนี้เงื่อนเวลาไม่ได้มาบีบ ต้องให้กระบวนการในเรื่องของความชัดเจนในเรื่องของตัวโครงการทำได้เต็มที่
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1339 ครั้ง