ศาลปกครองสูงสุดไม่รับอุทธรณ์คำร้อง กทช.ประมูล 3 จี โดยยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง สั่งให้ชะลอการเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จี ออกไป จนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกัน กทช.นัดประชุมบอร์ดบ่ายนี้ หลังถูกระงับ 3 จี
วันที่ 23 ก.ย.เวลา 09.00 น. ศาลปกครองสูงสุดอ่านคำสั่งในคดีที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางที่สั่งให้ชะลอการเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จี ออกไป จากการฟ้องร้องของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) โดยในวันนี้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองกลาง ในการชะลอการเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จี และให้รอจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นโดยศาลชี้แจงใน 3 ประเด็นว่า กฎหมายที่ กทช.ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีอนุญาตการใช้คลื่นความถี่ เพื่อประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จี เมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย การให้กฎหมายดังกล่าวยังดำเนินต่อไปเพื่อเปิดประมูล 3 จี จะส่งผลเสียหายร้ายแรงในภายหลัง และการให้บริการ 3 จี ในระยะแรกทำเพียงโครงข่ายขนาดเล็กไม่สามารถครอบคลุมได้ทั่วประเทศ โดยการจะครอบคลุมทั่วประเทศต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 ปี จึงเห็นว่า ขณะนี้แม้ไม่มีการเปิดให้บริการโครงข่าย 3จี ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้เทคโนโลยีแต่อย่างใด
ขณะที่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (23 ก.ย.) จะมีการประชุมบอร์ด กทช. หลังศาลปกครองสูงสุดอ่านคำสั่งระงับการประมูล 3 จี จากนั้นจะมีการแถลงข่าวสื่อมวลชนที่สำนักงาน กทช.
ด้านนายสุขุม ชื่นมะนา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดที่พิจารณายืนตามคำสั่งศาลปกครองกลาง ให้ระงับการประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไอเอ็มที ในระบบ 3G โดยวิธีการประมูลออกไปก่อน แต่ทั้งนี้ คดียังไม่ถึงที่สุด ซึ่งทาง กทช.ต้องกลับไปดูข้อกฎหมายและมาต่อสู้ทางคดีอีกครั้ง
รายละเอียดคำสั่งศาลปกครองสูงสุด
คดีนี้ผู้ฟ้องคดี (บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)) ฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ออกประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่าน ๒.๑ GHz โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ศาลเพิกถอนประกาศดังกล่าว และสั่งระงับการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดสรรคลื่นความถี่และอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะพิพากษา ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองระงับการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่าน ๒.๑ GHz และการดำเนินการต่อไปตามประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองจึงยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลปกครองชั้นต้น
ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองในสามกรณี ดังนี้
กรณีที่หนึ่ง ประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่าน ๒.๑ GHz ที่ประกาศเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นกฎที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้น่าจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า เมื่อพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ ได้กำหนดให้คณะกรรมการร่วมมีอำนาจจัดทำแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่และตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ ตลอดจนจัดสรรคลื่นความถี่ ระหว่างคลื่นความถี่ที่ใช้ในกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และกิจการวิทยุโทรคมนาคม
แม้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จะอ้างว่าคลื่นดังกล่าวเป็นคลื่นโทรคมนาคมตามที่กรมไปรษณีย์โทรเลขได้ประกาศไว้เดิม และสอดคล้องกับตารางกำหนดความถี่วิทยุแห่งข้อบังคับของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศก็ตาม แต่เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จะดำเนินการตามมาตรา ๕๑ วรรคหนึ่ง (๑) (๓) (๔) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ ต้องมีการดำเนินการจัดทำแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่และตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ ตลอดจนจัดสรรคลื่นความถี่ระหว่างคลื่นความถี่ที่ใช้ในกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และกิจการวิทยุโทรคมนาคมโดยคณะกรรมการร่วมก่อน ตามมาตรา ๖๓ และมาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน
ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ไม่มีคณะกรรมการร่วมการจัดทำแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่และตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ ตลอดจนจัดสรรคลื่นความถี่ระหว่างคลื่นความถี่ที่ใช้ในกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และกิจการวิทยุโทรคมนาคมจึงไม่เกิดขึ้น ดังนั้น การกำหนดนโยบายและจัดทำแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคมและ แผนความถี่วิทยุของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ตามมาตรา ๕๑ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ จึงมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ การออกประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จึงน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว
กรณีที่สอง การให้กฎดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่ ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริง
ฟังได้ว่า ยังไม่มีการประมูลและยังไม่มีการออกใบอนุญาตให้ผู้ชนะการประมูล ดังนั้น การที่ศาลจะมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามกฎต่อไป จึงมีผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องไม่มากนัก เนื่องจากมีผู้มีสิทธิเข้าร่วมประมูลเพียง ๓ ราย หากให้มีการประมูลล่วงเลยไปจนถึงขั้นตอนการออกใบอนุญาตให้ผู้ชนะการประมูล หากต่อมาศาลมีคำวินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายที่มากกว่า และยากกว่าในการเยียวยาแก้ไขภายหลัง โดยอาจเกิดกรณีฟ้องร้องเกี่ยวกับผล การประมูล ทำให้เกิดปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนตามมา
กรณีที่สาม การให้ทุเลาการบังคับตามกฎเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐหรือแก่การบริการสาธารณะหรือไม่ ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในปัจจุบันการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 2G ได้มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ อีกทั้ง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้ยอมรับว่า ในระยะแรกการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3G ทำได้เพียงโครงข่ายขนาดเล็ก ไม่สามารถครอบคลุมได้ทั่วประเทศ และการจะครอบคลุมทั่วประเทศต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย ๔ ปี จึงเห็นได้ว่า การที่ขณะนี้ยังไม่มีการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 3Giจึงไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่การบริการสาธารณะแต่อย่างใด นอกจากนี้ แม้การดำเนินกิจการตามอำนาจหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จะเป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่การดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์สาธารณะก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความชอบด้วยกฎหมายด้วย
ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMTiย่าน ๒.๑ GHz ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๓ โดยให้
ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองระงับการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ IMT ย่าน ๒.๑ GHz และการดำเนินการต่อไปตามประกาศดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่า
คดีจะถึงที่สุดหรือศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเป็นต้นไป
ศาลปกครองสูงสุด
วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๓
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1361 ครั้ง