เวลา 10.50 น. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนาได้เดินทางมาที่พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ สส.พิจิตร พรรคชาติไทยพัฒนา นางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อแผ่นดิน โดยแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ร่วมต้อนรับนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ สส.สัดส่วน แกนนำเสื้อแดง นายสุนัย จุลพงศธร ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ เป็นต้น
ทั้งนี้ พล.ต.สนั่น ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ก่อนขึ้นไปหารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทยว่า เหตุที่มาวันนี้เพราะต้องการสร้างกระบวนการปรองดองให้เกิดขึ้น โดยเป็นฝ่ายขอนัดพบแกนนำพรรคเพื่อไทยเอง
โดยการพูดคุยเจรจาปรองดองระหว่างพรรคชาติไทยพัฒนากับพรรคเพื่อไทยทางพรรคได้จัดโต๊ะนั่งพูดคุยเจรจาเหมือนเวทีเจรจาระหว่าง แกนนำรัฐบาล กับ แกนนำเสื้อแดง ฝั่งละ 3 คน ประกอบด้วย พล.ต.สนั่น นายศิริวัฒน์ และ นายอัศวิน วิภูศิริ สส.สัดส่วน พรรคชาติไทยพัฒนา ขณะที่พรรคเพื่อไทยประกอบด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค นายสุนัย จุลพงศธร สส.สัดส่วน และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ โดยมี สส.ของพรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งนั่งสังเกตุการณ์รับฟังในห้องดังกล่าวด้วย
ภายหลังการหารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทยพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ได้แถลงร่วมกับแกนนำเสื้อแดง โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ สส.สัดส่วน แกนนำพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขอบคุณพล.ต.สนั่น ขอชี้แจงว่า ปัญหาของประเทศไทยถ้ายังไม่มีการพูดคุยหาทางออกบนความยุติธรรมและความเสมอภาคปัญหานี้ไม่จบ ตนได้เรียนว่า คนที่เป็นตัวกลางต้องไม่มีบุคลิก วิเศษวิโสกว่าคนอื่น และต้องผ่านทั้งความสำเร็จและผ่านความเจ็บปวดของชีวิ ต ในทางการเมืองพล.ต.สนั่นผ่านมาทุกตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี รมว.เกษตร ในทางชีวิต พล.ต.สนั่นถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2520 พร้อมนายวีระ มุสิกพงษ์ จนถูกปล่อยตัวออกมา ก็เห็นชีวิตเพื่อนเราว่า ในเรือนจำเป็นอย่างไร รวมถึง แกนนำ 111 และ 109 ที่ถูกตัดสิทธิ์การเมืองในคดียุบพรรค ซึ่ง พล.ต.สนั่น ก็ผ่านมาแล้วเช่นกัน
นายจตุพร กล่าวว่า คนที่ผ่านร้อนผ่านหน่าว ย่อมเห็นทั้งความทุกข์ความสุข การพูดคุยวันนี้ ไม่มีเงื่อนไขและข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งก่อนหน้านี้พล.ต.สนั่นได้พบกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. และนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนำพันธมิตรฯ และพบกับทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ตนเรียนว่า พวกตนไม่ขัดข้องที่จะปรองดอง ถ้าจะยึดแนวปฏิบัติตามกฎหมายก็ต้องเท่าเทียมกันหมด หมายถึง ฝ่ายที่เข่นฆ่าก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน ถ้าจะเริ่มต้นประเทศกันใหม่ก็ต้องถอยหลังไปเมื่อวันที่ 19 กันยา 2549 ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหา
“การที่คนๆ หนึ่งได้มาร่วมสนทนากับพวกผมนั้นก็ถือว่าได้ประโยชน์เพราะได้เปิดช่องรูหายใจเล็กๆ ขึ้นมา ยอมรับว่าประเทศนี้หาผู้ใหญ่ยากเต็มทน เหมือนที่อภิสิทธิ์บอกว่า ปรองดองกับทุกคนได้ยกเว้น ผู้ก่อการร้าย ผมก็สวนว่า ก็ไม่ขอปรองดองกับ อาชญากรฆ่าปะชาชนหรือพรรคภูมิใจไทยออกกฎหมายนิรโทษกรรมผู้เข่นฆ่าประชาชน ผมก็เลยสวนไปว่า ไม่รับฆาตกรฆ่าคนเหมือนกัน เพราะการนิรโทษกรรมให้คนบริสุทธิ์จะ นิรโทษกรรมทำไม” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า เชื่อว่า วันหนึ่งข้อเสนอของทุกภาคส่วน จะสามารถหาจุดสมดุลได้ว่าเป็นอย่างไร พรรคเพื่อไทยและตนไม่ได้เป็นอุปสรคการปรองดอง การปรองดองที่จะเกิดขึ้นได้ต้องอยู่บนความยุติธรรม ความเสมอภาคและไม่ละเลยผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ เหมือนอย่างที่หลายคนหวั่นไหวว่า เรามาพูดคุยกันและทุกอย่างจบก็คงไม่ใช่อย่างนั้น
นายจตุพร กล่าวว่า เห็นด้วยกับการที่พล.ต.สนั่นทำอยู่ วันนี้โลกในประเทศไทย เป็นสิ่งที่เราไม่เคยเจอมาก่อน จากนี้ก็ต้องหาจุดสมดุลให้ได้
พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ตนได้ขอพบพรรคเพื่อไทยและคุยกัน1ชั่วโมง ตนมารับฟังทุกฝ่ายและเดินหน้าของฟังองค์กรอื่นๆต่อไป การปรองดองจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องหาจุดกึ่งกลาง พรรคเพื่อไทยไม่มีข้อเรียกร้องและขอให้ตนเดินหน้าแก้ปัญหาของประเทศตอไป การทะเลาะที่เกิดขึ้นมาทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น หลายเรื่องที่นายจตุพรเล่าให้ฟังนั้นจะนำไปประมวลกับหน่วยอื่นๆ ในที่สุดก็ต้องมานั่งคุยกันอีกครั้ง
เมื่อถามว่าหากทุกฝ่ายไม่มีข้อเรียกร้องใดๆแล้วจะเดินหน้าอย่างไร พลตรีสนั่นกล่าวว่า จะไปรับฟังทุกฝ่าย ที่ผ่านมาได้ไปพบกับนายณัฐวุฒิ นายสนธิ และพรรคเพื่อไทย พบว่ายังไม่มีข้อเรียกร้องใดๆ โดยแต่ละฝ่ายได้เล่าประสบการณ์ที่ตัวเองไปพบมา จากนี้ไปจะเดินสายพบกับทุกฝ่ายโดยจะพบทุกพรรคการเมือง ทหาร และมหาวิทยาลัย พรุ่งนี้พูดที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเวลา 16.00 น.เพราะเขาต้องการทราบว่า การปรองดองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ส่วนมหาวิทยาลัยก็จะไปธรรมศาสตร์ รามคำแหง ทั้งนี้ ถึงเวลาที่เมืองไทยทั้งประเทศต้องหันมาร่วมมือกัน และลืมความหลัง เริ่มต้นใหม่ โดยจะทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดก่อนยุบสภา
เมื่อถามว่า จะฝากอะไรถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรหรือไม่ พล.ต.สนั่นกล่าวว่า คงไม่ฝาก แต่ะหาโอกาสไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะหากฝากอะไรไปนั้นเดี๋ยวพ.ต.ท.ทักษิณจะโมโหอีก ส่วนกำหนดการที่จะไปพบพ.ต.ท.ทักษิณนั้นมีกำหนดการแน่นอนแต่ยังไม่รู้เมื่อใด เพราะขอทำในประเทศก่อน จะพยายามทำการปรองดองให้เร็วที่สุดในการลดความขัดแย้ง
“ผมพยายามทำถนนไปสู่ความปรองดองให้ได้ เหมือนพระรูปหนึ่งในญี่ปุ่นที่อยู่บนภูเขา โดยพระลงมาบิณฑบาตทุกวันและไมไปบิณฑบาตในหมู่บ้านเลย จนมีคำถามถึงพระว่า ทำไมไม่ไปบิณฑบาตในหมู่บ้านและสร้างถนนขึ้นภูเขาไว้ทำไม พระตอบว่าทำถนนไว้เผื่อชาวบ้านจะขึ้นไปวัดจะได้เดินทางสะดวก การสร้างความปรองดองก็เหมือนการที่พระสร้างถนนเช่นกัน”
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1329 ครั้ง