นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่า นายเมธี อมรวุฒิกุล พยานคดีก่อการร้าย อ้างว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยและผู้ต้องหาก่อการร้าย โทรไปข่มขู่ เรื่องนายเมธีมาเป็นพยานคดีก่อการร้ายให้ดีเอสไอ ตนได้สอบถามนายเมธีว่าเชื่อได้อย่างไร ปลายสายเป็นนายจตุพร ซึ่งนายเมธีบอกว่า เบอร์ที่ปรากฎบนโทรศัพท์เป็นเบอร์ที่ใช้ติดต่อกับนายจตุพรเป็นประจำ และเสียงก็คุ้นเคยจำได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอบันทึกถ้อยคำของนายเมธี เพื่อพิจารณาเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย เพราะนายเมธีเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย
นายธาริต กล่าวอีกว่า นายเมธีสามารถใช้โทรศัพท์เบอร์ปกติได้ การสนทนาระหว่างนายจตุพรและนายเมธี เกิดขึ้นระหว่าง 2 คนไม่ได้ผ่านคนกลาง ดังนั้นการที่นายเมธีอ้างว่าได้รับโทรศัพท์ข่มขู่จากนายจตุพรนั้น เจ้าหน้าที่ที่ดูแลนายเมธี จึงไม่สามารถรับรู้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะนำคำให้การของนายเมธีเสนอให้ ศาลพิจารณาถอนประกันนายจตุพรหรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า ดีเอสไอต้องตรวจสอบก่อนว่าข้อมูลที่นายเมธีเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน
ส่วนกรณีที่นายเมธีเปิดเผยว่า ญาติของแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โกงเงินบริจาค 68 ล้านบาทแล้วหนีไปอยู่ประเทศมาเลเซีย นายธาริต กล่าวว่า ตนเองเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับดีเอสไอแต่อย่างใด
นายธาริต กล่าวถึงกรณีที่ประเทศกัมพูชาออกมาตอบโต้ว่าไม่เคยให้กลุ่มนปช.ใช้ค่ายทหารในการฝึกอาวุธว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศในการชี้แจง ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าควรแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอย่างไรหรือไม่ โดยในวันนี้ซึ่งจะมีการประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ตนเองจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือด้วย