รูปภาพ : นายคาเล็ด อิรานี่ รัฐมนตรีพลังงานจอร์แดน
ที่มา : Jordan Times
รัฐบาลจอร์แดนกำลังมองหาการลงทุนจากบริษัทมิตซูบิชิ คอร์เปอเรชั่น, มิตซุย แอนด์ โค และบริษัทอื่นๆของญี่ปุ่นในโครงการด้านพลังงานมูลค่ากว่า 14,000 ล้านดอลลาร์เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานที่กำลังสูงขึ้น ทางการจอร์แดนเปิดเผย
ประเทศจอร์แดนซึ่งนำเข้าพลังงานกว่า 96% ของการบริโภค ต้องการการลงทุนในสำรองหินน้ำมันของประเทศ ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 4 ของโลก นายคาเล็ด อิรานี่ รัฐมนนตรีพลังงานจอร์แดนให้สัมภาษณ์ ณ กรุงโตเกียววานี้ (13 ตุลาคม 2010) นอกจากนั้นจอร์แดนก็กำลังวางแผนพัฒนาพลังงานลม แสงอาทิตย์ และพลังงานความร้อนจากใต้พิภพด้วย
“มีหลุมจำนวนมากในจอร์แดนซึ่งเปิดกว้างสำหรับการลงทุนในหินน้ำมัน” นายอิรานี่ซึ่งกำลังหารือกับตัวแทนจากมิตซูบิชิและมิตซุยกล่าว “เราต้อนรับบริษัทญี่ปุ่น”
บริษัทรอยัล ดัตช์ เชลล์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทอีสตี อีเนอร์เจีย เอเอส (Eesti Energia AS) จากประเทศเอสโตเนียได้ลงนามข้อตกลงโครงการหินน้ำมันในจอร์แดน จอร์แดนคาดการณ์ว่าการบริโภคเชื้อเพลิงในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็นค่าพลังงานเทียบเท่าน้ำมัน 10 ล้านเมตริกตันภายในปี 2020 จากระดับ 7.5 ล้านตัน
“ด้วยราคาเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เพิ่มขึ้น การขุดเอาหินน้ำมันมาใช้กำลังมีความเป็นไปได้มากขึ้นและมากขึ้น” นายอิรานี่กล่าว เขายังกล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันในระดับที่สูงกว่า 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล การขุดเอาหินน้ำมันในจอร์แดนมาใช้ถือว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
ราคาน้ำมันซื้อขายในระดับราคาเฉลี่ยที่ 77.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้และล่าสุดซื้อขายที่ 83.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 11.00 น. ตามเวลากรุงโตเกียว
รัฐบาลจอร์แดนคาดการณ์ว่า ความต้องการไฟฟ้าในประเทศจะพุ่งขึ้นเกือบเท่าตัวในอีก 10 ปีข้างหน้าเป็น 5,200 เม็กกะวัตต์
คณะผู้แทนเยือนญี่ปุ่น
หินน้ำมันคือ หินตะกอน (sedimentary rock) ซึ่งมีองค์ประกอบของสารบิทูมินัส (bituminouus) อยู่ในเนื้อหิน ซึ่งจะกลายเป็นเชื้อเพลิงปิโตรเลียมเหลวเมื่อหินนั้นถูกเผาด้วยความร้อน จากข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยสหรัฐฯ
นายอิรานี่เป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้แทนของจอร์แดนที่นำโดยนายซาเมียร์ ริฟาย นายกรัฐมนตรีจอร์แดนในภารกิจเยือนญี่ปุ่น ซึ่งก็มีการนำเข้าเชื้อเพลิงจากนอกประเทศเกือบทั้งหมดเพื่อสนองต่อความต้องการในประเทศ การเดินทางครั้งนี้ก็เพื่อดึงความสนใจในการลงทุนในประเทศจอร์แดนซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศซาอุดิอาระเบีย อิรัค ซีเรีย และอิสราเอล
นายอิรานี่ยังมีภารกิจที่ต้องพบกับตัวแทนจากบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี้ส์ จำกัด ระหว่างการเยือนญี่ปุ่น 3 วันด้วย
จอร์แดนมีเป้าหมายในการผลิตไฟฟ้า 10% จากพลังงานทดแทนภายในปี 2020 ขณะที่พลังงานนิวเคลียร์คาดว่าจะมีสัดส่วน 10% และ 14% สำหรับหินน้ำมัน นายอิรานี่ระบุ
จอร์แดนจะเปิดการประมูลหลุมน้ำมันและก๊าซใกล้กับเมืองเออร์บิด (Irbid) ทางเหนือของจอร์แดนภายในสิ้นปีนี้ นายอิรานี่ระบุ เขายังกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีบริษัทต่างชาติหลายบริษัทที่สนใจในโครงการ แต่เขาปฏิเสธที่จะระบุชื่อบริษัทเหล่านั้น
อุดหนุนพลังงานลม
นอกจากนั้นรัฐบาลจะมีการประกาศรายละเอียดในการอุดหนุนพลังงานแสงอาทิตย์ในไตรมาสแรกของปี 2011 เพื่อส่งเสริมพลังงานทดแทนด้วย นายอิรานี่กล่าว
แผนสำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์โครงการใหม่จะมีการเปิดเผยรายละเอียดภายในสิ้นปีนี้ รัฐบาลต้องการให้มีการประมูลกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ให้ได้ถึง 100 เมกะวัตต์เนื่องจากตลาดมีการเติบโตและยังได้ระบุถึงพื้นที่ที่มีศักยภาพในการลงทุนโครงการพลังงานลมอีกด้วย
รัฐบาลเตรียมเสนอพื้นที่สำหรับโครงการพลังงานลมภายใน 2 ปีนี้ นายอิรานี่กล่าว การเสนอประมูลสำหรับฟาร์มกังหันลมเฟเจ๊จ (Fejeij) มูลค่า 150 ล้านดอลลาร์มีเส้นตายเดือนมีนาคมในปีหน้า
ญี่ปุ่นและจอร์แดนลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เป็นการกรุยทางให้บริษัทต่างๆรวมถึงมิตซูบิชิเฮฟวี่ฯในการขายเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ให้กับจอร์แดน
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นาโอโตะ คัง ได้สัญญาที่จะสนับสนุนแผนของจอร์แดนในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระหว่างการพบกกับนายราฟาย นายกจอร์แดนในระหว่างการหารือกันเมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา จากการายงานของสำนัหข่าวเกียวโดนิวส์
ที่มา Bloomberg
http://noir.bloomberg.com/apps/news?pid=20601104&sid=aZ60SvwI9jwA
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2028 ครั้ง