นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดศูนย์เรียนรู้ประจำองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นาบินหลา อ. เมืองตรัง เครือข่ายการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดตรัง เพื่อเป็นแหล่งเรียนนอกระบบการศึกษา เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 20 ธ.ค. ถึงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ที่ต้องการให้บ้านเมืองสงบ โดยเสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยุติการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อไม่ให้มีการชุมนุม หรือสร้างความรุนแรงทางการเมือง ว่า ตนเห็นว่าเรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือพรรคเพื่อไทย รวมทั้งกลุ่มเสื้อแดง ควรรับฟังคำเรียกร้องของประชาชน โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะยอมรับขบวนการยุติธรรมของไทย และกลับมาต่อสู้ทางคดี เพื่อให้การเมืองไทยเดินหน้าต่อไปได้ เชื่อมั่นในนิติรัฐ ไม่อยากจะเห็น พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองต่อไป เชื่อว่าชาวบ้านคงสุดทนแล้วเหมือนกัน
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อถึงผลการสำรวจระบุว่าผลงานของรัฐบาลที่มีคะแนนสูงสุด คือ ผลงานปกป้องสถาบัน ว่า รัฐบาลนี้พยายามจะสร้างความสมานฉันท์กับคนในชาติ โดยเฉพาะในเดือน ธ.ค.นี้ และผลงานที่ชัดเจนของรัฐบาลนี้ คือ การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ให้เข้ามาอยู่ในปมของความขัดแย้ง ตนเห็นว่าการสร้างผลงานปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก หากบ้านเมืองนี้ยังมีคนที่คิดไม่ดีอยู่ แต่ผลจากการดำเนินการของรัฐบาล ทำให้ประชาชนได้ออกมาปกป้องสถานบันกับรัฐบาลด้วย
นายสาทิตย์ กล่าวต่อถึงปัญหาไฟใต้ ที่โพลได้ระบุว่ารัฐบาลนี้สอบตก และในปี 2554 ความรุนแรงจะเกิดอย่างหนัก อาจนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน ว่า ปัญหาชายแดนใต้เป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการเกิดความรุนแรงภาคใต้มีที่มาที่ไป รัฐบาลนี้ก็พยามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งให้รัฐมนตรีรับผิดชอบโดยตรง การออกกฎหมายใช้กับชายแดนใต้ ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย กับ นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซียก็ลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาโดยตรงแล้ว
สำหรับปัญหาเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท นายสาทิตย์ กล่าวว่าขณะนี้ ประเด็นดังกล่าว เข้าสู่ขบวนการของกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว ต้องรอว่าขบวนการตรวจสอบจะเป็นอย่างไร แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ตนเป็นกรรมการบริหารพรรค เป็นเรื่องที่พรรคไม่ได้รู้ไปทุกเรื่อง ส่วนจะเป็นเรื่องส่วนบุคลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง แต่พรรคไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย อย่างไรก็ตาม เห็นว่าก็เป็นเรื่องที่ดี เพื่อจะได้นำไปสู่ขบวนการตรวจสอบ เห็นว่าเป็นเรื่องของพรรคการคู่แข่งมากกว่า ที่จะกดดัน กกต. การกดดันเช่นนี้ จะทำให้ขบวนการยุติธรรมไม่สามารถเดินต่อไปได้ ในการรักษาความเที่ยงธรรมได้อย่างแท้จริง
“ปัญหาเงินบริจาคที่เกิดขึ้น ทำให้พรรคต้องระมัดระวังในการรับบริจาคเงินเข้าพรรคมากขึ้น ก่อนหน้านี้ก็ได้ระวังอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบผู้บริจาค ที่มา ที่ไปของเงินบริจาค การลงทะเบียน บัญชี อย่างถูกต้อง พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการระมัดระวังมากๆในเรื่องนี้ พรรคประชาธิปัตย์ตั้งมา 60 กว่าปี เป็นพรรคการเมืองที่มีความผูกพันกับคนหลายล้านคน สมาชิกพรรคเคารพกฎหมายและรักษาพรรคไว้” กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์?กล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1180 ครั้ง