วันที่ 24 ต.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง ในฐานะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าขบวนการล้มเจ้ามีจริงและคงไม่หยุดหมิ่นพระบรมเดชาภาพ ดูได้จากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ (ไอซีที) ได้มีการปิดเว็บไซต์ที่หมิ่นสถาบัน แต่เมื่อจับได้จะมีการเปิดเว็บไซต์ใหม่และปกปิดไอพี จนไม่สามารพิสูจน์ที่มาได้ โดยการกระทำดังกล่าวจะมีลักษณะเดิมคือมีเนื้อหาโจมตีพาดพิงเกี่ยวกับสถาบัน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มทุนอยู่เบื้องหลังที่ไม่สามารถสืบสวนหาต้นตอได้ และมีกลุ่มสนับสนุนในประเทศ ที่รอเวลาเหมาะสม และได้อำนาจเมื่อไหร่ก็จะทวีความรุนแรง ขยายวงออกไปอย่างกว้างขวาง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ทุกฝ่ายร่วมปกป้อง เพื่อไม่กระบวนการดังกล่าวทำลายประเทศ
นายสาธิต กล่าวว่า ส่วนการพูดของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงการที่เจ้าหน้าที่อ้างถึงสถาบันเพื่อทำร้ายประชาชนนั้น ตนอยากให้ยึดคำพูดของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และตนอยากให้พรรคเพื่อไทยหยุดพฤติกรรมดังกล่าว รวมถึงอย่าปกป้องคนกระทำผิดและให้ร้ายสถาบัน โดยเฉพาะตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกรณี นายจักรภพ เพ็ญแข และนายใจ อึ๊งภากรณ์ จนต้องหลบหนีไปต่างประเทศ ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่จริงใจในเรื่องความปรองดอง ด้วยการส่งหมายจับไปผู้กระทำผิดการก่อการร้ายไปตามชายแดนว่า ตนอยากให้พรรคเพื่อไทยหยุดปกป้องผู้ต้องหาก่อการร้ายที่สร้างความไม่สงบใน ประเทศ เพราะมีความผิดตามหมายจับ และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องปกติของเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการ ดังนั้น อย่ามาพูดมั่วๆ
นายสาธิต ยังกล่าวถึงพฤติกรรมในการทำลายความน่าเชื่อถือกระบวนการยุติธรรม ว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่ยุติแม้คดีจะจบหากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถูกยุบ แม้หากมีคำพิพากษายุบพรรคแต่ไม่ตัดสิทธิ์นายกฯก็ตาม หากยุบพรรคพร้อมเพิกถอนสิทธิ์ กระบวนการดังกล่าวก็จะยุติ ทั้งนี้ การทำลายกระบวนการศาล เริ่มต้นตั้งแต่คดีอดีตผู้นำประเทศ คือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย ถูกพิพากษากรณีซื้อที่ดินรัชดา และพรรคเพื่อไทยก็พยายามยกเอาผลคดีที่เกิดลักษณะเดียวกันมาพูดให้ไขว้เขว แต่ความเป็นจริงเรื่องดังกล่าวมีความแตกต่ากัน และพยายามพูดดิสเครดิตศาล องค์กรอิสระ และพยายามสร้างหลักฐานเท็จ จนสังคมลังเลสงสัยกระบวนการยุติธรรม เช่นกรณี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องถอนตัวออกมาเป็นโจทก์เพื่อยื่นฟ้องหมิ่นประมาทโฆษก พรรคเพื่อไทย
“กระบวนการดังกล่าวจะดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ ด้วยสร้างหลักฐานใหม่ และเชื่อมโยงกันอย่างไร้น้ำหนัก เช่น คลิป การพูดถึงคนใกล้ชิดพรรคมีผลต่อคดียบุพรรค เป็นการสร้างเรื่องด้วยการต่อจิ๊กซอว์อย่างไม่มีข้อมูลเพียงพอ และจะดำเนินการจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงขั้วทางการเมือง และเพิกถอนสิทธิ์นายกฯ ดังนั้น ผมอยากให้ศาลมั่นคงรักษาความเป็นกลางในการตัดสินคดี ดำรงไว้ด้วยความยุติธรรมตามข้อเท็จจริง เพื่อให้สังคมได้เข้าใจ”นายสาธิต กล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1713 ครั้ง