วันที่ 24ต.ค. เวลา 10.00 น. ที่บริเวณวัดโบสถ์ ถนนปทุมธานี สายในเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ติดโรงเรียนคณะราษฎร์และ วิทยาลัยเทคนิคประทุมธานี อ.เมือง จ.ปทุมธานี กระสอบทรายสูงกว่า 1.20 เมตร ที่นำมากั้นเป็นเขื่อนป้องกันน้ำ จากแม่น้ำเจ้าพระยา ได้เกิดพังทพลายลงมา ที่หน้าเมนวัดโบสถ์ ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมบริเวณวัด และทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ตำบลบ้านกลาง อ.เมือง อย่างรวดเร็ว
นายสายัญ นพขำ นายกอบต.บ้างกลาง อ.เมือง ได้ออกเสียงตามสายประกาศให้ชาวบ้านรีบขนของหนีน้ำท่วมเป็นการด่วน โดยระ ดับน้ำได้เอ่อล้นท่วมสูงเป็นบริเวณกว้าง และสูงกว่าเขื่อนกระสอบทรายประมาณ 70 ซม.
ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพน้ำท่วมและแจกของยังชีพ ที่ชุมชน สันติชนสงเคราะห์ เขตบางกอกน้อย โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ได้ขอให้ประชาชนที่ตั้งบ้านเรือนริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่าตื่นตระหนกสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่า เขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถที่จะรองรับปริมาณน้ำได้และที่สำคัญขอให้ประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำอย่ารื้อถอนกระสอบทราย เพราะอาจทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบหลังจากตนได้ทราบข่าวประชาชนบางพื้นที่จะรื้อถอนกระสอบทรายออกไป
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดอ่างทองยังไม่พ้นวิกฤตหลังน้ำจากแม่น้ำสองสายคือแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อยมีปริมาณน้ำสูงอย่างต่อเนื่องทำให้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนใน 3 อำเภอ คืออำเภอเมือง อำเภอป่าโมกและอำเภอวิเศษชัยชาญ บางบ้านน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร และล่าสุดคืนที่ผ่านมาน้ำจากแม่น้ำน้อยล้นทะลักเข้าท่วมสถานีตำรวจภูธรตำบลบางจัก อ.วิเศษชัยชาญ น้ำสูง 20 ซ.ม. ทำให้ต้องย้ายสิ่งของหนีน้ำกันอย่างโกลาหลโดยเฉพาะรถยนต์ ส่วนจักรยานยนต์ของกลางยังไม่สามารถขนย้ายได้ต้องปล่อยให้จมน้ำ
ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยาวันนี้น้ำสูงขึ้นกว่าเมื่อวานประมาณ 25 ซ.ม. ทำให้ปริมาณน้ำที่หน้าศาลากลางสูงถึง 8.60 เมตร ส่งผลให้แรงดันน้ำทะลุผ่านกำแพงเขื่อนไหลเข้าบริเวณตลาดอ่างทองและหน้าศาลากลางอย่างต่อเนื่อง ด้านนายชัย สุวพันธุ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองอ่างทองต้องเร่งระบายน้ำออกจากท่อทั้งบริเวณศาลากลางและในตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาย่านเศรษฐกิจและส่วนราชการไว้
ทั้งนี้ บริเวณริมเขื่อนในตลาดอ่างทองก็พบลุงอายุ 80 ปี ได้ลงไปอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยานอกกำแพงเขื่อนเพื่อกู้เรือที่จมน้ำสร้างความหวาดเสียวให้แก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมากเนื่องจากกระแสน้ำไหลแรงมากอาจจะพัดลุงเฒ่าไปได้ทุกเวลา
เจ้าพระยาเอ่อท่วมเจริญกรุง
เมื่อเวลา 10.00 น. น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้เอ่อเข้าท่วม พื้นที่ บริเวณ ถนนเจริญจรุงซอย 60-62 โดยเจ้าหน้าที่กทม.ได้ระดมน้ำเครื่องสูบน้ำมาระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยการปล่อยลงท่อระบายน้ำอย่างเร่งด่วน
ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. กล่าวภายหลังเดินทางเข้าตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่บริเวณ ชุมชนสันติชนสงเคราะห์ เขตบางกอกน้อย ว่า ขณะนี้คาดว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงสุดไม่เกิน 2.30 เมตร จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสริมเขื่อนให้สูงขึ้นตามที่กรมชลประธานเสนอ นอกจากนั้นน้ำเหนือที่จะลงมาถึงกรุงเทพมหานครในอีก 2 วันข้างหน้า มั่นใจว่า การป้องกันที่ได้เตรียมไว้พร้อมที่สามารถรับมือได้
ทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาชนอย่านำกระสอบทรายออกจากแนวกั้นน้ำ ซึ่งหากต้องการขอให้ไปรับที่สำนักงานเขต โดยได้เตรียมการไว้ทั้งสิ้น 4 ล้านกระสอบ
ระดับน้ำเจ้าพระยาในกทม.อยู่ที่ 1.98 ซม.
ด้าน น.อ.จักรกฤษ มะลิขาว ผอ.กองสมุทรศาสตร์ กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ กล่าวว่าจากการคาดการณ์ระดับน้ำช่วงวันที่ 24-27 ต.ค.นี้ ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา วัดระดับที่ท่าน้ำกองทัพเรือสูงอยู่ที่ 1.90 เมตร ในช่วงเช้า ขณะที่ในช่วงเย็นจะอยู่ 1.75 เมตร โดยภาวะน้ำทะเลหนุนสูงอยู่ในภาวะปกติ แต่ที่ต้องเฝ้าระวังคือ ระดับน้ำท่า หรือน้ำเหนือที่ไหลหลากลงมา ซึ่งกรมชลประทานคำนวณตัวเลขจากจุดน้ำไหลผ่านที่บางไทร พระนครศรีอยุธยา จำนวน 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หากปริมาณน้ำไหลผ่านถึง 4,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นอีกร้อยละ 10-20 หรืออยู่ที่ระดับ 2 เมตรเศษ ซึ่งยอมรับว่า สถานการณ์น้ำค่อนข้างน่าเป็นห่วง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อแจ้งเตือนประชาชนแล้ว
สำนักงานระบายน้ำกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสภาพน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาในเช้าวันนี้ (24 ต.ค.) ว่า จากการวัดระดับน้ำที่ปากคลองตลาดระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น 20 เซนติเมตรจากเมื่อวานที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 1.98 เซนติเมตร ซึ่งระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นในระดับนี้ กรุงเทพมหานครยังสามารถรับมือน้ำได้ โดยจะมีน้ำท่วมซึมที่แนวกั้นน้ำเล็กน้อย จากนั้นในช่วงสายจะลดระดับลง
สพฉ.สรุปน้ำท่วม 2 สัปดาห์ตาย38ศพ
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) รายงานสรุปตัวเลขผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 10-24ต.ค.พบว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มในวันนี้ (24ต.ค.)จำนวน 4 ราย ส่งผลให้มียอดผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 38 ราย โดยแยกตามรายจังหวัดได้ดังนี้ 1.นครราชสีมา 6 ราย 2.บุรีรัมย์ 6 ราย 3.ลพบุรี 6 ราย 4.ขอนแก่น 3 ราย 5.เพชรบูรณ์ 3 ราย 6.ระยอง 2 ราย 7. ชัยภูมิ 2 ราย 8. ตราด 1ราย 9.สระแก้ว 1 ราย 10.สระบุรี 1 ราย 11.พระนครศรีอยุธยา 1 ราย 12.นนทบุรี 1 ราย และ13.อุทัยธานี 1 ราย 14.ชัยนาท 1 ราย 15.กำแพงเพชร 3 ราย
ภาพประกอบข่าว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสานหลายจังหวัดตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เริ่มคลี่คลายสถานการณ์น้ำได้เริ่มลดระดับลงแล้ว แต่พื้นที่ภาคกลางยังน่าห่วงใยมากที่สุด เพราะยังมีฝนตกในพื้นที่ภาคเหนือ และในช่วง2-3วันข้างหน้านี้จะมีน้ำทะเลหนุนสูง หลายหน่วยงานกำลังเสริมแนวป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมซ้ำเติม ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ จะเดินทางไปติดตามสถานการณ์น้ำที่จ.ปทุมธานี และจ.พระนครศรีอยุธยา
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการเดินทางไปเยี่ยมเยียนผู้ประสบอุทกภัยว่า โดยส่วนตัวรู้สึกประทับใจอย่างยิ่งที่ประชาชนซึ่งประสบอุทกภัยมาคอยให้กำลังใจ และให้การต้อนรับตนเอง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นอย่างดี ทั้งๆ ที่ตนเองควรเป็นฝ่ายลงไปให้กำลังใจผู้ที่กำลังได้รับความเดือดร้อน
ส่วนสถานการณ์น้ำโดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกในขณะนี้น้ำได้เริ่มลดระดับลงแล้ว อย่างไรก็ตาม จะมีอีกหลายจังหวัดที่ต้องรับน้ำจากพื้นที่ซึ่งเคยประสบอุทกภัยก่อนหน้านี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ได้ลงนามตั้งศูนย์แก้ไขปัญหาน้ำท่วม และช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยนายกฯได้มอบหมายให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นประธานศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกฯ เป็นผอ.ศูนย์ประสานแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และในวันที่ 26 ต.ค.นี้ กระทรวงมหาดไทย จะเสนอมาตราการต่างๆในการให้ความช่วยเหลือประชาชนต่อที่ประชุมครม.ด้วย
ทั้งนี้ ได้มีการตั้งศูนย์ประสานงานและคณะกรรมการเนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากตั้งเครือข่าย และติดตามสถานการณ์ศูนยฯจะเชื่อมกับประชาชน และเป็นศูนย์กลางในเรื่องน้ำท่วม ตลอดจนการประสานหลังน้ำลดเพื่อช่วยเหลือ.
สำหรับช่วงที่สองของรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยมีผู้ว่าราชการในจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมหนัก4พื้นที่ ประกอบด้วย จ.พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครราชสีมา และชัยภูมิ รายงานสถานการณ์น้ำ การแก้ไขปัญหา และการฟื้นฟูหลังน้ำลดผ่านทางระบบทีวีคอนเฟอร์เรนท์ด้วย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1864 ครั้ง