วันที่ 29 ตุลาคม นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เช้าข่าวข้นคนข่าวเช้า ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนท์ ทีวี ถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเข้าร่วมประชุมอาเซียน ครั้งที่ 17 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ว่า เมื่อคืนวันที่ 28 ตค. ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา โดยมีการสอบถามความคืบหน้าในเรื่องที่ตกลงจะแลกเปลี่ยนเรื่องวัฒนธรรม เช่น การจัดคอนเสิร์ตเป็นต้น ทั้งนี้ สมเด็จฮุนเซนยังได้แสดงความเป็นห่วง สอบถามเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยอีกด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ ทั้งนายกฯไทยและนายกฯกัมพูชายังได้มีการพูดคุยเรื่องชายแดนข้อพิพาท รวมถึงข่าวล่าสุดที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หนึ่งในแกนนำ นปช.ซึ่งเป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายหลบหนีเข้าประเทศ โดยนายอภิสิทธิ์ ก็ได้ขอให้ทางกัมพูชาตรวจสอบ ซึ่งทางกัมพูชาก็ได้รับไปตรวจสอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยการพบปะกันในครั้งนี้เป็นการพบกันตามที่ทางกัมพูชาขอให้จัดได้พบกัน บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมาก
เวลา10.50 น.พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกฯ และรมว.กลาโหมกัมพูชา เดินทางถึงไทยเพื่อประชุมกก.ชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(เจบีซี)ครั้งที่ 7 ซึ่งจัดขึ้นที่ โรงแรมดุสิตธานี เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดย เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างกองทัพไทยและกองทัพกัมพูชาปีละ 1 ครั้งสลับกันเป็นเจ้าภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพไทยและกองทัพกัมพูชาให้เป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนได้อย่างสันติ รวมถึงพบปะหารือ แลกเปลี่ยนทัศนะในเรื่องต่างๆเพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน รวมทั้งเสริมสร้างความเจริญ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ
โดยที่ประชุมจะให้ความเห็นชอบร่วมกันในการดำรงความร่วมมือระหว่างในเรื่องต่าง ๆ รวม 15 ประเด็น อาทิ ความร่วมมือด้านแรงงาน การป้องกันและปราบปรามการค้ายาเสพติด การป้องกันและปราบปรามการก่ออาชญากรรมในพื้นที่ชายแดน การต่อต้านการก่อการร้าย การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การส่งเสริมความปลอดภัยทางทะเล รวมทั้งความร่วมมือด้านการค้าชายแดน ความร่วมมือด้านการเกษตร ด้านสาธารณสุข ด้านการท่องเที่ยว ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และความร่วมมือด้านการบรรเทาสาธารณภัย โดยในวันที่ 29 ตุลาคมนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงรับรอง คณะฝ่ายกัมพูชา ณ โรงแรมดุสิตธานี และวันที่ 30 ตุลาคมจะมีพิธีเปิด – ปิดการประชุม รวมทั้งมีการลงนามในบันทึกการประชุม แลกเปลี่ยนของที่ระลึก และแถลงข่าวร่วมกัน สำหรับประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ คือจะช่วยให้มีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก่อให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ชายแดนอย่างยั่งยืน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1130 ครั้ง