ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 พ.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยผู้ประสบอุทกภัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย นำไปจัดซื้อไฟฉาย น้ำดื่มสะอาด และเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นๆที่จำเป็น มอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ
เมื่อเวลา 19.00 น. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ได้ตรวจเยี่ยมศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขอุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม ประจำปี 2553 พร้อมทั้งประชุมด่วนผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนท์ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทางภาคใต้ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม และกล่าวว่า ได้สั่งการให้ปภ. เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยพิบัติและเน้นย้ำให้ผู้ว่าฯเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้พร้อมใช้งานทันทีที่เกิดภัย
ในส่วนของการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ที่สถานการณ์อุทกภัยเริ่มคลี่คลายแล้ว ให้เร่งดำเนินการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย โดยดำเนินการตามมาตรการพิเศษของคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะการจ่ายเงินชดเชยเบื้องต้นครัวเรือนละ 5,000 บาท ให้เร่งดำเนินการจ่ายเงินให้ถึงผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยผู้ประสบ อุทกภัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 5 ล้านบาท ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมปภ.นำไปจัดซื้อไฟฉาย น้ำดื่มสะอาด และเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นๆ ที่จำเป็น มอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว และพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ก็ได้กำชับให้ ปภ. เร่งดำเนินจัดหาและนำสิ่งของดังกล่าว ไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบอุทกภัยโดยเร็วที่สุด ตามพระราชประสงค์ของล้นเกล้าล้นกระหม่อมทั้งสองพระองค์
ทั้งนี้ ในส่วนของจังหวัดภาคใต้ที่รายงานสถานการณ์ ประกอบด้วยพัทลุง ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ซึ่งแต่ละจังหวัดระบุว่า จะสามารถควบคุมสถานการณ์ให้คลี่คลายได้เร็วหากไม่เกิดเหตุฝนตกซ้ำ แต่ในส่วนของ จ.สงขลา สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) แถลงระหว่างการประชุม คชอ.ว่า ในภาคใต้มีน้ำท่วมขัง 8 จังหวัด หลายพื้นที่คลี่คลายลงแล้ว ส่วนพายุดีเปรสชั่นลูกที่ 2 ที่คาดว่าจะเข้ามา จะเข้าทางตอนใต้ของไทย ล่าสุดได้เปลี่ยนทิศไปเข้าที่ประเทศเวียดนาม แต่ไทยก็ยังได้รับอิทธิพลจากลมทำให้อาจจะมีฝนอยู่บ้าง แต่ไม่มากเหมือนช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้รัฐบาลได้ส่งเครื่องสูบน้ำจำนวนมากลงไปในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งเรือท้องแบนและเรือติดเครื่องยนต์ 1,500 ลำ และยุงยังชีพ อีก 11,000 ถุง ลงไปยังศูนย์ประสานงานส่วนหน้าของ สุราษฎร์ธานี สงขลา และภูเก็ต พร้อมกันนี้ ยังได้ระดมกำลังทหารและอาสาสมัครเข้าช่วยเหลือประชาชน ที่ติดอยู่ตามบ้านเรือนให้ออกจากพื้นที่เสียงโดยเร็ว
กรมชลประทาน แถลงว่าพายุดีเปรสชั่นที่เข้าหาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ออกไปแล้ว และภาวะวิกฤติจะค่อยๆคลี่คลายไปในแนวโน้มที่ดี โดยหลายพื้นที่ของเมือง รวมทั้งนอกเมือง ระดับน้ำจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 30-50 ซม. และภายในอีก 2 วัน ปริมาณน้ำส่วนใหญ่จะไหลลงสู่คลอง และออกสู่ทะเล ซึ่งกรมชลประทานได้ระดมส่งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่และเครื่องผลักดันน้ำรวมกว่า 40 เครื่อง ลงพื้นที่ไปเพื่อเร่งสูบน้ำในพื้นที่ออกสู่คลองเพื่อบริหารจัดการต่อไป อย่างไรก็ตามขณะนี้พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงคือจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ฝนตกหนักมากในวันเดียวกว่า 300 มม. และขณะนี้ฝนยังไม่หยุด
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1154 ครั้ง