นางโสพรรณ มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายข้าวภายใต้แบรนด์ “หงษ์ทอง” เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาขายปลีกข้าวขาวในท้องตลาดขยับขึ้นประมาณ 1-2 บาทต่อ 1 กิโลกรัมแล้ว เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมที่มีผลกระทบรุนแรงต่อพื้นที่ปลูกนาในภาคกลางและมีระยะเวลายาวนานถึง 1 เดือนแล้ว แตกต่างจากพื้นที่ภาคอีสานที่น้ำเริ่มลดแล้ว
“แม้ราคาขายปลีกขยับขึ้นแล้ว 1 บาท แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าในอนาคตราคาจะขยับสูงขึ้นอีกหรือไม่ เพราะต้องประเมินผลกระทบก่อนว่ามีผลต่อพื้นที่ปลูกข้าวของเกษตรกรในภาคกลางมากน้อยขนาดไหน และทำให้พื้นที่เพาะปลูกได้รับผลกระทบรุนแรงเพียงใด” นางโสพรรณกล่าว
นายสมฤกษ์ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยฮา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาขายปลีกข้าวขาวในตลาดเริ่มสูงขึ้นแล้ว 1-2 บาทต่อถุง จากปัจจุบันข้าวขาวมีราคาขายปลีกเฉลี่ย 80-90 บาทในขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัม ปัจจัยหลักเป็นผลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่สูงขึ้นรับข่าวที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศอัดฉีดเงินรอบใหม่เข้าสู่เศรษฐกิจสหรัฐ และเป็นผลจากปัญหาน้ำท่วมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมต่อพื้นที่เกษตรกรนั้น พื้นที่เกษตรกรปลูกข้าวเสียหายประมาณ 6.9 ล้านไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวในภาคกลางประมาณ 3.9 ล้านไร่ และพื้นที่ปลูกข้าวภาคอีสานประมาณ 3 ล้านไร่ ยังไม่รวมพื้นที่เพาะปลูกในภาคใต้ จึงยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะส่งผลให้ราคาขายปลีกข้าวถุงในอนาคตปรับตัวสูงขึ้นหรือไม่ เพราะในปัจจุบันภาครัฐมีข้าวสต็อกอยู่ในระบบรวม 2.5 ล้านตัน สามารถรองรับการผลิตในอนาคตได้แน่นอน
“แนวโน้มราคาข้าวของไทยในขณะนี้ยังไม่ปรับตัวสูงขึ้นมากนัก แต่ตั้งแต่ต้นปีหน้าราคาข้าวขยับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอนเพราะความต้องการซื้อในตลาดโลกมีสูงมาก ประกอบกับพื้นที่การเกษตรในหลายประเทศทั่วโลกประสบปัญหาน้ำท่วมเสียหายมากเช่นเดียวกัน ทำให้ราคาซื้อข้าวขาวล่วงหน้าในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นไปแล้ว” นายสมฤกษ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดที่รุนแรงมากทำให้ข้าวสารบรรจุถุงไม่สามารถขึ้นราคาขายปลีกได้มากนัก เห็นได้จากในปัจจุบันราคาขายปลีกข้าวขาวบรรจุถุงในตลาดอยู่ที่ 80-90 บาทต่อขนาด 5 กิโลกรัม ส่วนข้าวหอมมะลิอยู่ที่ 160-170 บาทในขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัม โดยราคาเฉลี่ยถูกลง 10-15% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงต้นปี
ด้านแหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบเศรษฐกิจที่เกิดจากน้ำท่วมภาคใต้เพิ่มเติม คาดว่าจะมีผลกระทบมากกว่าน้ำท่วมในภาคอีสานและภาคกลางที่ก่อนหน้านี้ประเมินความเสียหาย 7,000 ล้านบาท ถึง 2 หมื่นล้านบาท และกระทบต่อเศรษฐกิจ 0.1-0.2% ต่อปี
“คาดว่าเมื่อรวมผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งหมดรวมถึงผลกระทบกรณีเงินบาทแข็งค่าที่กระทบการขยายตัวให้เศรษฐกิจลดลง 0.1% เศรษฐกิจไทยปี 2553 น่าจะขยายตัวในระดับมากกว่า 7% ต่อปี จากที่ได้ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวถึง 7.6% ต่อปี” แหล่งข่าวกล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1779 ครั้ง