วันที่ 8 พฤศจิกายน เว็บไซท์หนังสือพิมพ์ เดอะการ์เดียน ของอังกฤษ รายงานว่า การนับคะแนนเสียงเลือกตั้ง ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ของพม่า ได้มีขึ้นหลังการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ ขณะที่ผู้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งมีจำนวนไม่มาก และยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากนานาชาติ รายงานระบุว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมาก เชื่อเสียงเรียกร้องของพรรคฝ่ายค้านที่ให้บอยคอตการเลือกตั้ง ที่มีพรรการเมืองที่ทหารหนุนหลัง 2 พรรค ลงชิงชัยแบบไร้คู่แข่งที่ทัดเทียม นายทหารระดับสูงพากันสลัดเครื่องแบบมาสวมชุดพลเรือน ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อยุติ 50 ปี ของการถูกปกครองโดยทหาร แต่ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ของสหรัฐ ได้ตำหนิการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นว่า ปราศจากเสรีและยุติธรรม
การเลือกตั้ง ได้มีขึ้นท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเหนียวแน่น และห้ามผู้สื่อข่าวต่างชาติเข้าไปสังเกตการณ์ แต่แม้จะเข้มงวด แต่เดอะการ์เดียน ก็สามารถส่งผู้สื่อข่าวเข้าไปสังเกตการณ์คูหาเลือกตั้ง 20 แห่ง ในย่างกุ้ง และพบว่า ส่วนใหญ่ว่างเปล่าไร้ผู้ออกไปใช้สิทธิ์ตลอดทั้งวัน และหลังจากปิดคูหาเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่นับคะแนนต้องเจออุปสรรคจากการตัดกระแสไฟฟ้า ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เจ้าหน้าที่ประจำคูหาเลือกตั้ง มีการโต้เถียงกับตัวแทนพรรคการเมืองที่ไปสอดส่องการเลือกตั้งด้วย
ส่วนบรรยากาศการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ มีผู้ไปใช้สิทธิ์ไม่มากนัก คูหาเลือกตั้งในย่านชานเมืองมีเจ้าหน้าที่มากกว่าผู้ไปใช้สิทธิ์เสียอีก ไม่มีการแจกใบปลิวหาเสียง และไม่มีโปสเตอร์ของพรรคการเมืองอื่นนอกจากของพรรคที่รัฐบาลสนับสนุน ในขณะที่การเลือกตั้ง เมื่อปี 2533 มีผู้ออกไปใช้สิทธิ์ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ครั้งนี้ไม่มีสัญญาณแห่งความกระตือรือร้นแต่อย่างใด
คาดว่าพรรคสหภาพเอกภาพและการพัฒนา หรือ USDP ที่ถือว่าเป็นปีกการเมืองของรัฐบาลทหาร และพรรคเอกภาพแห่งชาติ หรือ NUP ที่ผู้สมัครล้วนเป็นทหารที่สลัดเครื่องแบบมาเป็นพลเรือน จะชนะการเลือกตั้งอย่างง่ายดาย และทั้งสองพรรค มีผู้สมัครจำนวนระหว่าง 2,100 ถึง 3 พันคน
ด้านสำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งของพม่าได้ประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้งบางส่วนเมื่อคืนวาน โดยระบุว่ามีผู้สมัครได้รับเลือกตั้งแล้ว 57 คน ซึ่งมีทั้งผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สภาชนชาติ และสภาท้องถิ่น และ 55 คน ในจำนวนนี้ ชนะการเลือกตั้งโดยไม่มีคู่แข่ง และ USDP ที่มีนายกรัฐมนตรีเต็ง เส่ง เป็นหัวหน้าพรรค กวาดที่นั่งได้มากที่สุด 41 ที่นั่ง ส่วนที่เหลือเป็นผู้ชนะจากพรรคการเมืองของชนกลุ่มน้อย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1589 ครั้ง