สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเตรียมพร้อมวันแถลงปิดคดียุบปชป. สั่งห้ามบุคคลภายนอกเข้าห้องพิจารณาคดีโดยเด็ดขาด พร้อมนำแผงเหล็กกั้นประตูด้านหน้า ด้านตำรวจจัดกำลังรักษาความปลอดภัยเต็มที่ ปชป.ชี้ผลลงมติไม่ 3:3 อภิสิทธิ์ไม่ตั้งนายกฯสำรอง
วันที่ 28 พ.ย. การเตรียมความพร้อมของ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ สำหรับวันแถลงปิดคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ด้วยวาจาในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้นำแผงเหล็กมากั้นบริเวณหน้าประตูทางเข้าด้านหน้าสำนักงานที่ติดกับอาคารของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกสามารถเข้าได้
ทั้งนี้สำหรับการเข้าฟังการแถลงปิดคดีในห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 นั้น สามารถรองรับคนได้ประมาณ 100 คน แต่ทางสำนักงานศาลฯ ได้เตรียมจอโปรเจคเตอร์ถ่ายถอดภาพและเสียงไว้บริเวณลานกว้างตรงกลางของอาคารศูนย์ราชการฯ ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งกว้าง เพื่อรองรับประชาชนทั่วไปที่สนใจคดีดังกล่าว
ขณะที่ในส่วนของสื่อมวลชนได้มีการเตรียมห้องรับรองสื่อมวลชนไว้ที่ชั้น2 โดยมีการติดตั้งโทรทัศน์ถ่ายทอดสดลงมาจากห้องพิจารณาคดี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสื่อมวลชนได้ติดตามการแถลงปิดคดีอย่างใกล้ชิด เพราะช่วงเวลาระหว่างแถลงปิดคดีนั้นทางเจ้าหน้าที่ศาลฯไม่อนุญาตให้มีการเดินเข้าออกห้องพิจารณาคดีได้
สำหรับการเข้าออกอาคารศูนย์ราชการฯนั้น เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการต่างๆ และประชาชนทั่วไปสามารถเข้าออกได้ตามประตูที่เปิดให้บริการ โดยการแลกบัตรเข้าออกอาคารตามปกติ ยกเว้นเพียงแต่ประตูทางเข้าด้านหน้าของสำนักงานศาลฯเท่านั้น ที่ห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าออก แต่สำหรับประตูเข้าทางด้านหลังของสำนักงานศาลฯ หากต้องการเข้ามาติดต่อภายในสำนักงานก็จะต้องแลกบัตรเข้าออกของสำนักงานศาลอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน พ.ต.อ.ศิวโรจน์ สุขัคคานนท์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมเรื่องการรักษาความปลอดภัยที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ได้ประชุมเตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมั่นใจว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถดูแลรักษาความเรียบร้อยได้ เพราะคนที่มาเชียร์และมาให้กำลังใจในคดีดังกล่าวนี้ก็คนไทยด้วยกัน ทั้งนี้ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการจัดกำลังเตรียมความพร้อมตั้งแต่เวลา 06.00 น.
ทางด้านการเตรียมการแถลงปดคดีของพรรคประชาธิปตย์ เวลา10.00 น.นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมทีมกฎหมายเพื่อต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีการใช้เงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมือง จำนวน 29 ล้านบาท อาจจะผิดวัตถุประสงค์ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะแถลงการณ์ปิดคดีด้วยวาจาในวันที่29 พ.ย.ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ในเวลา 09.00 น.
ขบวนการบีบศาลทำสำเร็จ
นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ข้อมูลกับนายชวน หลีกภัยว่า มันชัดเจนเลย เห็นๆกันอยู่ และตนคงไม่ต้องพูด เพราะว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นคำตอบในตัวอยู่แล้ว มีการใช้วิธีการร่วมมือกันเป็นขบวนการมาโดยตลอด ตั้งแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่อยมาจนถึงศาลรัฐธรรมนูญ แม้กระทั่งวินาทีสุดท้ายก็ยังมีการคิดที่จะทำอะไรต่อไปอีก ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวโน้มในการพิจารณามีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าศาลจะตัดสินในวันที่29พ.ย.เลย นายบัณฑิตกล่าวว่า ตนคงตอบไม่ได้ว่าศาลจะตัดสินหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล แต่ที่ผ่านมาเราก็เห็นว่า เมื่อตัดสินคดียุบพรรคและมีการแถลงปิดคดี อย่างเช่นพรรคล่าสุดคือพรรคชาติไทยที่ในช่วงบ่ายก็มีการอ่านคำวินิจฉัย เมื่อถามว่าในวันที่28พ.ย.พรรคจะมีการเตรียมการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่นั้น นายบัณฑิต กล่าวว่า ไม่มี วันนี้ทีมกฎหมายพรรคมาพบปะสังสรรค์หารือกันว่า ใครจะมีข้อมูลอะไรฝากให้นายชวน เพราะเวลาที่นายชวนแถลงปิดคดีโดยใช้เวลาครึ่งชั่วโมงที่ศาลกำหนดให้ ก็คงพูดอะไรได้ไม่มาก แต่ในเนื้อหาสาระข้อเท็จจริงมันอยู่ใน 172 หน้านั้นแล้ว ดังนั้น คงไม่มีความจำเป็นที่จะออกมาพูดในเรื่องข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอีก แต่อาจจะพูดถึงพฤติกรรมต่างๆความเป็นมา เพื่อให้ศาลได้เห็นให้ชัดเจน เพราะว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันสอดคล้องกับที่เราได้เขียนไป172 หน้าแล้ว ลำดับเหตุการณ์ พฤติกรรมตั้งแต่นายทะเบียนพรรคการเมืองมีคำวินิจฉัยยกคำร้องทั้ง 2ข้อกล่าวหา โดยมีความเห็นยืนตามคณะอนุกรรมการสอบสวน ที่มีนายอิสระ หลิมศิริวงษ์ เป็นประธาน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2552 และในวันที่ 18 ธ.ค. 2552 ก็เริ่มมีการเปิดฉากเลย จะเห็นในคำแถลงการณ์ปิดคดีของพรรค
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า วันที่29พ.ย.พรรคจะเน้นหนักที่เรื่องอะไรเป็นพิเศษ นายบัณฑิต กล่าวว่า คงแล้วแต่เเละขึ้นอยู่กับนายชวน แต่ตนคิดว่าคงจะพูดแต่เนื้อหาสาระบางส่วน และยํ้าในเรื่องพฤติกรรมความไม่ชอบมาพากล และการคุกคามของพวกเขาในระยะเวลา 30 นาที และศาลคงอ่านเรียบร้อยแล้วในคำแถลงการณ์ เมื่อถามว่า แสดงว่าสาระในวันที่29พ.ย.จะเน้นเกี่ยวกับประเด็นการคุมคามใช่หรือไม่นั้น นายบัณฑิตกล่าวว่า มันอาจจะผสมกัน ทั้งเนื้อหาสาระด้วยโดยย่อ เอาแต่ไฮไลท์ ตนเข้าใจว่าอย่างนั้น แล้วแต่ศาล เพราะตนก็ยังไม่ทราบว่าจะพูดในแนวไหนบ้าง และขอยํ้าว่าเราเขียนอย่างละเอียด 172 หน้า และสิ่งที่เราเขียนลงไปไม่ใช่เขียนด้วยความเพ้อเจ้อ เพ้อฝัน หรือใช้จินตนาการ แต่มันมีหลักฐานทั้งหมดว่า มีการให้การในวันที่เท่าไหร่ ตามกระบวนการเอกสารหน้าที่เท่าไหร่ และมันก็สะดวกกับการที่ศาลจะไปเปิดอ่านด้วย เช่น เอกสารหมาย ร.227 หน้าที่เท่านั้น เท่านี้ ตนบอกไปหมด
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. ในฐานะทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทีมกฎหมายของพรรคยอมรับว่า กระบวนการทำลายความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญประสบความสำเร็จ ทำให้ตุลาการศาลต้องถอนตัวจากคดีออกไป 3คน จากการเป็นองค์คณะผู้พิพากษาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีเงินสนับสนุนของกกต. จำนวน 29ล้านบาท ซึ่งผลการถอนตัวมาจากคนของพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น จึงถือว่าเป็นเรื่องที่มาจากการเมือง และกระแสกดดันจากคนของพรรคเพื่อไทยเป็นส่วนมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อองค์คณะผู้พิพากษาเหลือ 6 คน ในการพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคก็ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และอยากให้สมาชิกของพรรค 2.8 ล้านคน เคารพการตัดสินของศาลด้วย ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ทั้งนี้ ในฐานะที่ตนเป็นผู้ช่วยเลขาธิการพรรค ขอยืนยันว่าพรรคไม่เคยคุยเรื่องตัวสำรองในการที่จะเป็นนายกฯแต่อย่างใดด้วย
ชี้ไม่มี 3:3
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา ทีมกฎหมายสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า จากการที่ร่วมสู้คดีนี้มาตั้งแต่ต้น เห็นว่าทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย มีความชัดเจนมาก ดังนั้นโอกาสที่องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินแบบ 3 ต่อ 3 คงเป็นไปได้ยาก แต่อาจจะออกมาในลักษณะ 4 ต่อ 2 หรือ 5 ต่อ 1 หรือ 6 เสียงเต็มเป็นเอกฉันท์ก็ได้ แต่เสียงที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่าจะเทไปทางยุบพรรคหรือไม่ยุบพรรค
ทั้งนี้ ทีมกฎหมายของพรรคมีความมั่นใจในข้อมูล และในที่ประชุมวันที่ 28 พ.ย. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมาย ไม่เครียด โดยได้ให้นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความ และนายบัญญัติ ลองแถลงปิดคดีด้วยวาจาให้ฟัง ซึ่งระหว่างที่ทั้งสองทดลองแถลงปิดคดี นายชวนได้จดประเด็นรายละเอียดเพิ่มเติมเอาไว้เป็นข้อมูลด้วย
ด้าน นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาปชป. หนึ่งในทีมกฎหมายสู้คดียุบพรรค กล่าวว่า หากคะแนนออกมา 3 ต่อ 3 อาจทำให้ประธานต้องออกเสียงชี้ขาดว่า เรื่องการออกเสียง 2 ครั้งมีผู้วิจารณ์กันมาก ที่สำคัญคือ ผู้ที่เคยให้ความเห็นในคดีเอาไว้แล้ว จะเปลี่ยนความเห็นจากที่เคยให้ไว้ได้อย่างไร
ไม่มีตั้งนายกฯสำรอง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า การพิจารณาตัดสินในคดียุบพรรคของศาลรัฐธรมนูญในวันพรุ่งนี้ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับ ถือว่าเป็นไปตามกฎหมายและกติกาบ้านเมือง หากศาลพิจารณาออกมาอย่างไรทุกคนในพรรคจะต้องยอมรับตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ ซึ่งยังคงยืนยันว่ายังคงไม่มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีรักษาการเพราะไม่มีการพิจารณาตัดสินคดีออกมาแต่อย่างใด หากมีการเปลี่ยนแปลงจริงก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามกระบวนการทางรัฐธรรมนูญ สภาก็จะเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ตามกรอบเวลาที่กำหนด ทุกคนจะต้องยอมรับถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ทุกอย่างจะเกิดขึ้นหลังการพิจารณาตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ประสานงานไปยังกระทรวงพานิชย์และกระทรวงการคลังรวมไปถึงทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับมาตรการลดค่าครองชีพ หลังมาตรการเรื่องค่าไฟ รถเมล์-รถไฟฟรีเพื่อบริการประชาชน จะสิ้นสุดเดือนธันวาคม ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องเสนอแผนการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ขณะที่เรื่องราคาแก๊สที่จะหมดในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า รัฐบาลจะทบทวนรายละเอียดทั้งระบบ ส่วนราคาอาหารนั้นกระทรวงพานิชย์ได้เสนอแผนการจัดทำโครงการพิเศษเพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ซึ่งจะเห็นผลที่ชัดเจนในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2145 ครั้ง