“มาร์ค” สั่งขจัดคอร์รัปชันไทย ยอมรับเรื้อรังรุนแรง ประเดิมทำราคากลางสร้างมาตรฐานจัดซื้อจัดจ้าง หลังโพลชี้พุ่งพรวด จ่ายใต้โต๊ะไม่ต่ำกว่า 25%
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ “บทบาทภาคเอกชนในการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมไทย”ในการปิดงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 28 ที่ จ.ขอนแก่น ว่า ไม่พอใจกับสถานการณ์ปัญหาการคอร์รัปชันในปัจจุบัน และยอมรับว่าเป็นปัญหาเรื้อรัง มีระดับรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยทุกครั้งที่พูดถึงการคอร์รัปชัน นักการเมือง ข้าราชการก็เหมือนเป็นจำเลยที่ 1 และ 2
“เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ต้องขอความร่วมมือช่วยกันตบมือให้เกิดเสียงแห่งความโปร่งใสด้วย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า จะรับข้อเสนอจากสมุดปกขาวที่ทางหอการค้าได้จากการประชุมสัมมนาปฏิบัติการ 3 ประเด็น คือการมุ่งขจัดคอร์รัปชัน เพื่อการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน การลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับ 11 กุญแจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง นำไปเป็นแนวทางร่วมใช้แก้ไขปัญหาของรัฐบาล
สำหรับแนวทางเบื้องต้นที่รัฐบาลจะดำเนินการคือ การปรับปรุงระบบอิเล็กทรอนิกส์จัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ซึ่งประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่มูลค่าของงาน แต่อยู่ที่ลักษณะของการจัดซื้อมากกว่า แต่ต้องขอร่วมมือจากภาคเอกชนคือการร่วมประมูลจัดซื้อจ้าง ซึ่งภาคเอกชนเป็นผู้ทราบดีว่าราคากลางที่เป็นมาตรฐานของงานอยู่ที่เท่าไหร่ ดังนั้นรัฐบาลจึงโดยมอบหมายให้สำนักงบประมาณไปจัดทำราคากลางมาตรฐานขึ้น เพื่อลดปัญหาทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะหากมีราคากลางเป็นพื้นฐาน การทุจริตก็จะไม่เกิดประโยชน์ และเชื่อว่าภายใน 1-2 ปีจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ข้อเสนอของหอการค้าไทย 3 ประเด็นหลักดังกล่าว ที่ประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ เสนอผ่านสมุดปกขาว ขอให้รัฐบาลให้ความสำคัญด้านการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ระบบชลประทาน และสร้างจิตสำนึกของภาคเอกชน ประชาชน สถาบันการศึกษาเพื่อป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชัน
ผลสำรวจผู้ประกอบการ 420 ตัวอย่าง เกี่ยวกับทัศนะต่อปัญหาการคอร์รัปชัน พบว่า 62.4% เห็นว่าการทุจริตคอร์รัปชันของประเทศในปัจจุบันมีมากขึ้นกว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และ 79.7% ตอบว่ามีการจ่ายเงินพิเศษให้กับข้าราชการและนักการเมืองเพื่อให้ได้สัญญาธุรกิจที่ทำกับภาครัฐ โดยมีมูลค่ามากกว่า 25% ของมูลค่าสัญญาที่รับงานจากรัฐนอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ขอนแก่น และภาคอีสาน ซึ่งมีจำนวนประชากรมากอันดับต้นของประเทศ เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ และการเตรียมความพร้อมต่อการเปิดเสรีอาเซียน โดยช่วงต้นปีหน้าจะมีการทำโครงการรถไฟความเร็วสูงจากจีนสู่อีสานไปถึงกรุงเทพฯ ผ่านหนองคาย อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา กรุงเทพฯ และเชื่อมโยงไปยังภาคใต้ มาเลเซีย และสิงคโปร์ ขณะเดียวกันจะพัฒนาระบบชลประทาน จัดทำยุทธศาสตร์ทุกลุ่มแม่น้ำสำหรับแก้ปัญหาภัยแล้งและ น้ำท่วมอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ผลักดันให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นศูนย์กลางวิชาการของภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นว่าการคอร์รัปชั่นมีผลกระทบแง่ลบต่อการดำเนินธุรกิจ และเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการพัฒนาของประเทศอย่างยั่งยืน สมควรได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง และผู้ประกอบการพร้อมจะเข้าไปมีส่วนร่วมป้องกันต่อต้านการทุจริตตามแผนยุทธศาสตร์ของหอการค้าไทย
หากตัดสินยุบพรรคและมีการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อความไม่มั่นใจของภาคประชาชนต่อการยุบสภาและเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะกระทบกับจีดีพีประเทศ 0.5% แต่หากยุบพรรคแต่ประชาชนยังมีความมั่นใจต่อรัฐบาลใหม่ เศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% และหากไม่ยุบพรรคก็ไม่มีผลกระทบใดเลย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1454 ครั้ง