รูปภาพ : นายมันเฟรด เดียร์ไฮเมอร์ กรรมการผู้จัดการเอฟดับเบิ้ลยู ระหว่างรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงจากรัฐบาลลักเซ็มเบิร์ก
ที่มา : เว็บไซต์บริษัท www.fwugroup.com
อุตสาหกรรมตะกาฟุลสำหรับครอบครัว (Family Takaful Industry) จะโตขึ้นอีก 5 เท่าตัวจนมีสัดส่วนราว 10% ของอุตสาหกรรมประกันชีวิตโดยรวมในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากระบบประกันอิสลามหรือตะกาฟุลนี้จะดึงดูดผู้คนที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามเข้ามามากขึ้น บริษัทประกันอิสลามเอฟดับเบิ้ลยูยู (FWU) กล่าวกับรอยเตอร์วานนี้ (30 พฤศจิกายน 2010)
ตะกาฟุลครอบครัวในตอนนี้มีส่วนแบ่งตลาดราว 2.5% ของอุตสาหกรรมประกันชีวิตโดยรวม และคาดว่าจะสูงขึ้นไปถึง 10% ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า
“ประชากรมุสลิมมากกว่า 1 พันล้านคนแล้วในตอนนี้ แต่ผมไม่คิดว่าตลาดจริงๆจะมีแค่นี้” นายมันเฟรด เดียร์ไฮเมอร์ (Manfred Dirrheimer) กรรมการผู้จัดการของเอฟดับเบิ้ลยู โกลบอล ตะกาฟุล ดูไบ (FWU Global Takaful Dubai) กล่าวกับรอยเตอร์ระหว่างเข้าร่วมประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
“ตอนนี้มีแนวโน้มสำหรับผลิตภัณฑ์เหล่านี้แต่แนวโน้มนี้จะมีโอกาสพอๆกันทั้งในกลุ่มชาวมุสลิมและคนที่นับถือศาสนาอื่น” เขากล่าว
นายเดียร์ไฮเมอร์กล่าวอีกว่า เป้าหมายนี้สามารถบรรลุได้แม้ว่านายธนาคารบางกลุ่มจะไม่ได้มองในแง่ดีมากนักเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้โดยให้เหตุผลถึงการขาดเครื่องมือทางการเงินตามหลักชารีอะห์ซึ่งบริษัทประกันสามารถลงทุนได้และยังสงสัยด้วยว่าตะกาฟุลหรือประกันอิสลามถูกหลักชารีอะห์จริงๆหรือเปล่า
เบี้ยตะกาฟุลคาดว่าจะโตมาอยู่ที่ประมาณ 8,800 ล้านดอลลาร์ทั่วโลกภายในสิ้นปี 2010 นี้ เทียบกับ 3,400 ล้านดอลลาร์ในปี 2007 จากข้อมูลของเอิร์นส์แอนด์ยัง (Ernst & Young) บริษัทผู้สอบบัญชีและที่ปรึกษาการเงินรายใหญ่ของโลก
อุตสาหกรรมประกันอิสลามยังคงดิ้นรนเพื่อตั้งตัวในประเทศมุสลิมบางประเทศ ตะกาฟุลมีอัตราการเจาะตลาดอยู่ที่ 10.5% เทียบกับ 42.3% ของการประกันทั่วไปในประเทศมาเลเซียซึ่งมีตลาดพันธบัตรอิสลามใหญ่ที่สุดในโลก
ข้อมูลล่าสุดของอุตสาหกรรมยังระบุอีกว่า สินทรัพย์ของบริษัทตะกาฟุลคิดเป็นประมาณ 8% ของสินทรัพย์ในอุตสาหกรรมประกันทั้งระบบ ต่ำกว่าธนาคารอิสลามซึ่งคิดเป็นกว่า 20% ของสินทรัพย์รวมของธนาคารทั้งระบบในมาเลเซีย
ที่มา ข่าว Real Time จากโปรแกรม Reuters 3000 Xtra
ไอดีข่าว nL3E6MU0GT
แปลและเรียบเรียงโดย เบ๊นซ์ สุดตา ฝ่ายข่าวเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ Mtoday