“ตอนนี้เขาวางระเบิดเวลากันเองลูกแรกเริ่มจากคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ มันใกล้ได้เวลาระเบิดแล้ว ทั้งที่เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของคนทั้งประเทศ เพราะมันมีธงมาแล้วคือพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกยุบไม่มีความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น ตามคำสั่งของพวกอำมาตย์ที่เข้ามาแทรกแซงครอบงำองค์กรอิสระ ไม่เหลือแล้วความเป็นคนของตุลาการรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงแล้ว” เนื้อหาในจดหมายระบุ
นายอริสมันต์ กล่าวว่า ระเบิดลูกที่สองคือการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะสร้างเงื่อนให้มีการรัฐประหาร โดยกลุ่มทหารของอำมาตย์และจะกวาดล้างคนที่ขัดขวางการรัฐประหารอย่างบ้าคลั่งจนเลือดนองเต็มแผ่นดินส่วนระเบิดลูกที่สามคือการลุกขึ้นสู้ต่อต้านเผด็จการรัฐประหารที่จะเกิดขึ้นทั่วประเทศและทั่วโลก ซึ่งจะเป็นสงครามที่เกิดขึ้นทุกหย่อมย่าน แล้วคนไทยจะล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งอำมาตย์และรัฐบาลไม่ได้สนใจ เพราะพร้อมที่จะปิดประเทศ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเราต้องผนึกกำลังตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น หากมิตรประเทศมารองรับความถูกต้อง แล้วต่อสู้อยู่นอกประเทศ ซึ่งจะทำให้ทั่วโลกรู้ว่าสงครามประชาชนกำลังจะเกิดขึ้น
“พี่น้องจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกอย่าง การลุกขึ้นของประชาชนครั้งนี้ ถ้าถูกทหารตำรวจใช้ความรุนแรงปราบปรามด้วยอาวุธต่าง ๆ เราจะสู้ด้วยวิธีของประชาชน เราจะตะโกนบอกฟ้า เรียกชื่อจริงของคนสั่งฆ่าให้ลั่นไปทั่วโลก เพื่อให้โลกรับรู้เสียที และเราพร้อมสู้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เราขอวิงวอนถึงทหาร ตำรวจ ทุกท่าน ถึงเวลาแล้วที่พวกท่านจะได้พิจารณาตัดสินใจว่า ท่านจะเลือกยืนอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชน หรือจะเลือกยืนอยู่ข้างอำมาตย์และรับใช้รัฐบาลทรราชที่ไล่ฆ่าประชาชน” เนื้อหาในจดหมายระบุ
นายอริสมันต์ กล่าวว่า แม้ประชาชนจะไม่มีอาวุธก็ไม่แพ้ เพราะเราจะรวมกันสู้อย่างเป็นระบบโดย มีฝ่ายสนับสนุน ที่จะส่งเสริมอุปกรณ์ อุดหนุนเงินทุน ช่วยเหลือในด้านการเผยแพรข่าวสารความชั่วร้ายของรัฐบาลและสถาบันอำมาตย์ ทั้งทางอินเตอร์เน็ต สื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆให้มากที่สุด อีกฝ่ายทำหน้าที่สู้รบรับผิดชอบประกบตัวการชั่ว ที่ทำร้ายประชาชน เช่นคนในรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ทหาร ตำรวจ ราชการ องค์กรอิสระ ตุลาการ ศาลผู้พิพากษา ที่รับใช้อำมาตย์และรัฐบาล รวมทั้งสื่อที่ชอบบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความแตกแยก โดยจำเป็นต้องจัดการให้หมดแบบสะดวกใครสะดวกมัน คือใครใกล้คนไหนก็จัดการคนนั้น โดยเราหวังเพียงพัฒนาเปลี่ยนแปลงระบบการปครองชาติและประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีสิทธิ เสรีภาพ ความยุตะรรม ความเท่าเทียมและรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน ซึ่งทุกคน ทุกสถาบันต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้โดยไม่มีข้อยกเว้น และผู้ฆ่าประชาชนต้องรับโทษ
วันที่ 2 ธ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการจัดทัพใหม่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ให้นางธิดา โตจิราการ ภริยา นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. ที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำ ขึ้นเป็นประธานนปช. ว่า ตั้งความหวังว่านปช. จะเลือกต่อสู้แบบสันติตามที่ประกาศไว้ เพราะถ้าทำได้ จะเป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง ส่วนความเป็นไปได้ในการปล่อยตัวแกนนำนปช. ที่ถูกควบคุมตัว ต้องว่าไปตามกฎหมาย หากพบว่าไม่มีพฤติกรรมหลบหนี หรือสร้างปัญหาเพิ่มเติม หรือทำให้เกิดความยุ่งเหยิง ทางพนักงานสอบสวน ก็อาจไม่คัดค้านกรณีมีการยื่นเรื่องขอประกันตัว
เมื่อถามว่า มีแนวโน้มที่ 7 แกนนำนปช. จะได้รับการประกันตัวใช่หรือไม่ หากไม่สร้างความวุ่นวาย นายสุเทพกล่าวว่า ตนพูดไปตามหลักการ ขณะนี้ยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าหากมีการปล่อยตัวแกนนำเหล่านี้แล้ว บรรยากาศทางการเมืองจะเป็นอย่างไร ต้องรอดูกันต่อไป ส่วนความคืบหน้าในการติดตามตัวแกนนำนปช. ที่หลบหนีหมายจับไปกบดานในต่างประเทศนั้น เจ้าหน้าที่กำลังพยายามอยู่ อย่างไรก็ตามในส่วนของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ที่ล่าสุดออกมาปลุกระดมให้มีการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นผ่านเว็ปไซต์นั้น ไม่มีใครบอกได้ว่านายอริสมนัต์ไปหลบอยู่ที่ไหน
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ไม่รู้สึกกังวลใจกรณีที่นปช. นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 10 ธันวาคม และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) นัดชุมนุมในวันที่ 11 ธันวาคม เพราะเจ้าหน้าที่ได้ทำงานดูแลความมั่นคงมากว่า 2 ปี ทำให้มีประสบการณ์และความเข้าใจในการปฏิบัติ อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมการดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อยแล้ว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1214 ครั้ง