พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯออกมหาสมาคม ทรงมีพระราชดำรัสให้คนไทยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาท มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ ให้ประคับประคองกายใจให้เที่ยงตรงหนักแน่น
เมื่อเวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯประทับรถยนต์พระที่นั่ง ออกจากโรงพยาบาลศิริราชไปยังพระบรมมหาราชวัง ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง
ทั้งนี้ขบวนรถยนต์พระที่นั่งได้เคลื่อนออกจากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังถนนอรุณอัมรินทร์ เข้าสู่ถนนราชดำเนินนอก ก่อนเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง ท่ามกลางประชาชนจำนวนมาก ที่พร้อมใจสวมใส่เสื้อสีชมพู เฝ้ารอรับเสด็จฯแน่นสองข้างทาง โดยต่างเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” อย่างกึกก้อง
ประทับรถยนต์พระที่นั่งออกจากศิริราช ถนนอรุณ เข้าสู่ราชดำเนินนอก ก่อนจะเสด็จเข้าสุ่พระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี
ต่อมาในเวลา 11.00น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯออกมหาสมาคม โดย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ได้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล จากนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลตามลำดับ
จากนั้น พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด ได้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคง และนำทหารักษาพระองค์กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตน
ในหลวงทรงเตือนคนไทยอย่าลืมหน้าที่-ต้องมีสติรู้ตัวไม่ประมาท
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสต่อผู้เข้าเฝ้าฯว่า ขอขอบพระทัยและขอบใจท่านทั้งหลาย ที่มาให้พรวันเกิด รวมทั้งให้คำมั่นสัญญาโดยประการต่างๆ ข้าพเจ้าขอสนองพรและไมตรีจิต ด้วยใจจริงเช่นกัน
บ้านเมืองของเราเป็นปึกแผ่นมั่นคงและร่มเย็นเป็นปกติสุขสืบมาช้านาน เพราะเรามีความยึดมั่นในชาติและต่างร่วมแรงร่วมใจกันบำเพ็ญกรณีกิจต่างๆตามหน้าที่ โดยถือประโยชน์ส่วนรวมของชาติเป็นเป้าหมายสำคัญสุด ท่านทั้งหลายในสมาคมนี้ตลอดจนคนไทยทุกหมู่เหล่า จึงควรจะได้ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนไว้ให้กระจ่าง และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด มีความไม่ประมาทและด้วยความมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ
เพราะการกระทำโดยประมาทขาดความรอบคอบเป็นเหตุให้เกิดความผิดพลาดเสียหายในหน้าที่และการกระทำโดยขาดสติยั้งคิด ขาดเหตุผลความรู้จักถูกผิดนั้น เป็นเหตุให้เกิดความหลงความลืมตัว ทำให้กระทำสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่โดยชอบได้ ซึ่งเป็นอันตรายมาก อาจจะนำความเสีย เสื่อมสลายมาสู่ตนเอง ตลอดทั้งประเทศชาติได้
จึงขอให้ทุกคนได้สังวรณ์ระวังให้มากและประคับประคองกายใจให้เที่ยงตรงหนักแน่น ในอันที่จะปฏิบัติภารกิจของตนให้ถูกต้องตามหน้าที่ เพื่อความมั่นคงและเพื่อสามารถยังประโยชน์สุขอันยั่งยืนของชาติบ้านเมืองของเรา
ขออำนาจแห่คุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองและรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ และอำนวยสุขศิริสวัสดิ์ ให้สำเร็จผลแก่ท่านทั่วหน้ากัน
หมายกำหนดการพระราชพิธีศุภมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.
หมายกำหนดการพระราชพิธีศุภมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. เวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ บนพระราชบัลลังก์ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร
มหาดเล็กรัวกรับ ชาวม่านไขพระวิสูตรเจ้าพนักงานชูพุ่มดอกไม้ทองให้สัญญาณชาวพนักงานกระทั่งแตรมโหระทึกทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ขณะนั้นทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด ถวายพระพรชัยมงคล
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ครั้นสุดเสียงประโคมแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมารนายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลตามลำดับ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบจบแล้ว มหาดเล็กรัวกรับ ชาวม่านปิดพระวิสูตร เจ้าพนักงานชูพุ่มดอกไม้ทองให้สัญญาณ ชาวพนักงานประโคมเช่นเวลาเสด็จออก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2316 ครั้ง