เคาะค่าจ้างขั้นต่ำเฉลี่ยขึ้นอีก 11 บาททั่วประเทศ เพิ่มกำลังซื้อในระบบอีก 1.4 หมื่นล้านบาท กทม.และปริมณฑลปรับเป็น 215บาท/วัน ส่วนพะเยาต่ำสุด 159 บาท/วัน
นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าคณะกรรมการค่าจ้างกลางมีข้อสรุปในการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2554 โดยมีการปรับเพิ่มเฉลี่ย 11 บาททั่วประเทศตั้งแต่ช่วง 8-17 บาท และทำให้ค่าเฉลี่ยค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศอยู่ที่ 176.3 บาท/วัน
จากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคมจะมีคนจำนวน 2 ล้านคนที่ได้ปรับเพิ่มค่าจ้างคิดเป็นเงิน 6,918 ล้านบาท รวมกับแรงงานต่างด้าวอีก 2 ล้านคนคิดเป็นเงิน 7,775 ล้านบาท ทำให้การปรับค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นอีก 14,694 ล้านบาทซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นการบริโภคและหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 1 แสนล้านบาท
สำหรับค่าจ้างในเขตกทม.และปริมณฑลปรับเพิ่มเป็น 215 บาท โดยกทม.และสมุทรปราการเพิ่ม 9 บาท ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐมและสมุทรสาครเพิ่ม 10 บาท
จังหวัดที่ได้ปรับเพิ่มน้อยที่สุด 8 บาทประกอบด้วย พะเยา ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานีและประจวบคีรีขันธ์ ในจำนวนนี้พะเยาเป็นจังหวัดที่มีค่าจ้างขั้นต่ำต่ำที่สุดคือ 159 บาท ถัดมาคือศรีสะเกษ 160 บาท น่าน 161 บาท
จังหวัดที่ได้ปรับเพิ่มมากที่สุดคือภูเก็ตได้เพิ่ม 17 บาทและเป็นจังหวัดที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำสูงที่สุดคือ 221 บาท รองลงมาคือนครศรีธรรมราชและสงขลาได้ปรับเพิ่ม 15 บาท ส่วนพัทลุง สตูลและกระบี่ได้ปรับเพิ่ม 14 บาท
“การพิจารณาเราจะเริ่มต้นจากตัวเลขของอนุกรรมการค่าจ้างของแต่ละจังหวัดที่เสนอเข้ามา ดูตัวเลขเงินเฟ้อและความสามารถในการจ่ายค่าแรงของนายจ้าง จากนั้นหาค่าเฉลี่ยรายภาคแล้วเพิ่มเรื่องของค่าคุณภาพชีวิตแรงงานเข้าไปด้วยทำให้ปีนี้มีอัตราการปรับขึ้นสูงกว่าปีอื่นๆ ที่ปรับขึ้นเพียง 2-3 บาทเท่านั้น”นพ.สมเกียรติกล่าว
สำหรับตัวเลขที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการปรับขึ้น 250 บาทเท่ากันทั่วประเทศ นพ.สมเกียรติกล่าวว่าต้องใช้เวลาทยอยปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป อัตราที่ปรับขึ้นในปีนี้สูงที่สุดแล้วที่ฝ่ายนายจ้างสามารถรับได้หากปรับขึ้นในครั้งเดียวนายจ้างจะแบกรับภาระทันทีทันใด กระทบต่อความสามารถในการจ่ายและย้อนกลับมากระทบถึงตัวผู้ใช้แรงงานในภายหลัง
นายปัณณพงศ์ อิทธิ์อรรถนนท์ กรรมการค่าจ้างกลางฝ่ายนายจ้าง กล่าวว่าสถานการณ์การจ่ายของนายจ้างสามารถจ่ายได้เต็มที่แค่นี้สำหรับปีนี้ หากรัฐต้องการให้ถึงเป้าหมาย 250 บาทควรจะช่วยเหลือด้วยการจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐอุดหนุนเข้าไปให้แรงงานที่มีรายได้น้อยได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง รวมทั้งขอให้รัฐควบคุมราคาสินค้าอย่าให้ขึ้นตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไม่เช่นนั้นเท่ากับผู้ใช้แรงงานจะไม่ได้ประโยชน์จากเงินที่เพิ่มขึ้นเลย
นายมนัส โกศล ประธานองค์การแรงงานแห่งประเทศไทย กล่าวว่าค่อนข้างพอใจกับผลที่ออกมา อย่างไรก็ตาม อยากให้ทางคณะกรรมการกลับไปทบทวนจังหวัดที่ได้รับการปรับขึ้นน้อยกว่า 10 บาททั้งหมดเพราะค่าคุณภาพชีวิตยังต่ำกว่าความเป็นจริงอยู่มาก
รายละเอียดการปรับค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ ปี 2554 มีดังนี้
ปรับขึ้น 8 บาท 7 จังหวัด
1. พะเยา จาก 151 บาท เป็น 159 บาท
2. ศรีสะเกษ จาก 152 บาท เป็น 160 บาท
3. อำนาจเจริญ จาก 155 บาท เป็น 163 บาท
4. นครสวรรค์ จาก 158 บาท เป็น 166 บาท
5.เพชรบูรณ์ จาก 158 บาท เป็น 166 บาท
6. อุทัยธานี จาก 160 บาท เป็น 168 บาท
7. ประจวบคีรีขันธ์ จาก 164 บาท เป็น 172 บาท
ปรับขึ้น 9 บาท 24 จังหวัด
1. น่าน จาก 152 บาท เป็น 161 บาท
2. ตาก จาก 153 บาท เป็น 162 บาท
3. สุรินทร์ จาก 153 บาท เป็น 162 บาท
4. มหาสารคาม จาก 154 บาท เป็น 163 บาท
5. นครพนม จาก 155 บาท เป็น 164 บาท
6. ชัยภูมิ จาก 156 บาท เป็น 165 บาท
7. ลำปาง จาก 156 บาท เป็น 165 บาท
8. หนองบังลำภู จาก 156 บาท เป็น 165 บาท
9. เชียงราย จาก 157 บาท เป็น 166 บาท
10. บุรีรัมย์ จาก 157 บาท เป็น 166 บาท
11. ร้อยเอ็ด จาก 157 บาท เป็น 166 บาท
12. ยโสธร จาก 157 บาท เป็น 166 บาท
13. สกลนคร จาก 157 บาท เป็น 166 บาท
14. ชัยนาท จาก 158 บาท เป็น 167 บาท
15. สุพรรณบุรี จาก 158 บาท เป็น 167 บาท
16. ตราด จาก 160 บาท เป็น 169 บาท
17. ลำพูน จาก 160 บาท เป็น 169 บาท
18. สมุทรสงคราม จาก 163 บาท เป็น 172 บาท
19. อ่างทอง จาก 165 บาท เป็น 174 บาท
20. เชียงใหม่ จาก 171 บาท เป็น 180 บาท
21. พระนครศรีอยุธยา จาก 181 บาท เป็น 190 บาท
22. สระบุรี จาก 184 บาท เป็น 193 บาท
23. สมุทรปราการ จาก 206 บาท เป็น 215 บาท
24.กรุงเทพฯ จาก 206 บาท เป็น 215 บาท
ปรับขึ้น 10 บาท 16 จังหวัด
1. พิษณุโลก จาก 153 บาท เป็น 163 บาท
2. แม่ฮ่องสอน จาก 153 บาท เป็น 163 บาท
3. อุตรดิตถ์ จาก 153 บาท เป็น 163 บาท
4. มุกดาหาร จาก 155 บาท เป็น 165 บาท
5. กาฬสินธุ์ จาก 157 บาท เป็น 167 บาท
6. ขอนแก่น จาก 157 บาท เป็น 167 บาท
7. กำแพงเพชร จาก 158 บาท เป็น 168 บาท
8. หนองคาย จาก 159 บาท เป็น 169 บาท
9. นครนายก จาก 160 บาท เป็น 170 บาท
10. เลย จาก 163 บาท เป็น 173 บาท
11. สระแก้ว จาก 163 บาท เป็น 173 บาท
12. นครราชสีมา จาก 173 บาท เป็น 183 บาท
13. นนทบุรี จาก 205 บาท เป็น 215 บาท
14. นครปฐม จาก 205 บาท เป็น 215 บาท
15. ปทุมธานี จาก 205 บาท เป็น 215 บาท
16. สมุทรสาคร จาก 205 บาท เป็น 215 บาท
ปรับขึ้น 11 บาท 6 จังหวัด
1. ปัตตานี จาก 159 บาท เป็น 170 บาท
2. นราธิวาส จาก 160 บาท เป็น 171 บาท
3. อุบลราชธานี จาก 160 บาท เป็น 171 บาท
4. สิงห์บุรี จาก 165 บาท เป็น 176 บาท
5. เพชรบุรี จาก 168 บาท เป็น 179 บาท
6. ระยอง จาก 178 บาท เป็น 189 บาท
ปรับขึ้น 12 บาท 10 จังหวัด
1. แพร่ จาก 151 บาท เป็น 163 บาท
2. พิจิตร จาก 151 บาท เป็น 163 บาท
3. สุโขทัย จาก 153 บาท เป็น 165 บาท
4. อุดรธานี จาก 159 บาท เป็น 171 บาท
5. ยะลา จาก 160 บาท เป็น 172 บาท
6. จันทบุรี จาก 167 บาท เป็น 179 บาท
7. กาญจนบุรี จาก 169 บาท เป็น 181 บาท
8. ลพบุรี จาก 170 บาท เป็น 182 บาท
9. ระนอง จาก 173 บาท เป็น 185 บาท
10. ชลบุรี จาก 184 บาท เป็น 196 บาท
ปรับขึ้น 13 บาท 7 จังหวัด
1. สุราษฏร์ธานี จาก 159 บาท เป็น 172 บาท
2. ชุมพร จาก 160 บาท เป็น 173 บาท
3. ตรัง จาก 162 บาท เป็น 175 บาท
4. ราชบุรี จาก 167 บาท เป็น 180 บาท
5. พังงา จาก 173 บาท เป็น 186 บาท
6. ฉะเชิงเทรา จาก 180 บาท เป็น 193 บาท
7. ปราจีนบุรี จาก 170 บาท เป็น 183 บาท
ปรับขึ้น 14 บาท 3 จังหวัด
1. พัทลุง จาก 159 บาท เป็น 173 บาท
2. สตูล จาก 159 บาท เป็น 173 บาท
3. กระบี่ จาก 170 บาท เป็น 184 บาท
ปรับขึ้น 15 บาท 2 จังหวัด
1. นครศรีธรรมราช จาก 159 บาท เป็น 174 บาท
2. สงขลา จาก 161 บาท เป็น 176 บาท
ปรับขึ้น 17 บาท 1 จังหวัด
1. ภูเก็ต จาก 204 บาท เป็น 221 บาท
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2174 ครั้ง