นายกฯ เรียกคลัง-พลังงานถกข้อสรุปแก้ปัญหาราคาน้ำมันบ่ายนี้ สกัดดีเซลพุ่งเกิน 30 บาท/ลิตร ย้ำต้องพิจารณาโครงสร้างฐานะกองทุนน้ำมันควบคู่อัตราภาษีสรรพสามิต
วันที่ 15 ธันวาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงบ่ายจะมีการพูดคุยกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน เพื่อดูแลราคาน้ำมันไม่ให้มีผลกระทบลูกโซ่ไปถึงภาคขนส่งและราคาสินค้า โดยคาดว่าในการประชุมวันนี้น่าจะมีข้อสรุป
“การที่รัฐบาลพยายามจะตรึงให้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ในระดับไม่เกินลิตรละ 30 บาทนั้น รัฐบาลจำเป็นจะต้องพิจารณาโครงสร้างฐานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตควบคู่กันไป โดยฐานะของกองทุนน้ำมันฯ ในขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในฐานะสมดุล และรัฐบาลจะไม่ใช้แนวทางที่จะปล่อยให้กองทุนน้ำมันฯ ติดลบเป็นแสนล้านบาทเหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา
สำหรับในส่วนของอัตราภาษีสรรพสามิตนั้น จะต้องหารือกับกระทรวงการคลังถึงความพอดีที่จะมาช่วยเหลือ เพราะในช่วงต้นปี 2552 รัฐบาลได้เก็บภาษีเพิ่มมากกว่าในอดีต อันเนื่องมาจากการเข้าไปแก้ปัญหาการคลัง
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า วันที่ 15 ธ.ค.ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน โดยจะมีวาระพิจารณาเร่งด่วนเรื่องมาตรการลดภาระประชาชนจากราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรเพิ่มเติม เบื้องต้นมี 3 มาตรการ แต่คาดว่า กบง.จะใช้มาตรการช่วยลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซลลง 50 สตางค์ต่อลิตรทันที ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ เนื่องจากเป็นมาตรการที่สามารถทำได้ทันทีและเห็นผลชัดเจนที่สุด
ทั้งนี้ 2 มาตรการที่ กบง.จะใช้คือ 1.ลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในกลุ่มน้ำมันดีเซลลง 50 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องชดเชยให้ดีเซล 35 สตางค์ต่อลิตร จากเดิมที่เหลือเก็บอยู่ 15 สตางค์ต่อลิตร ส่วนไบโอดีเซลบี-5 ชดเชยเพิ่มเป็น 1 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันที่ชดเชยอยู่ 50 สตางค์ต่อลิตร และ 2.ลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเฉพาะน้ำมันดีเซล ซึ่งเท่ากับว่าจะไม่เพิ่มอัตราการชดเชยให้กับไบโอดีเซลบี-5 โดยวิธีการนี้มีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย เพราะ นพ.วรรณรัตน์ ให้เหตุผลว่าน้ำมันดีเซลทุกชนิดมีความจำเป็นในภาคการขนส่ง ควรปรับลดให้หมดทุกประเภท
แหล่งข่าวกล่าวว่า หากใช้มาตรการแรกคือชดเชยการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่มทั้งดีเซลและไบโอดีเซลบี-5 เพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลงทันที 50 สตางค์ต่อลิตรนั้น จะทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันติดลบเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 1,200 ล้านบาท จากเดิมที่ติดลบอยู่เดือนละ 537 ล้านบาท จากที่ปัจจุบันมีเงินสะสมอยู่ 28,000 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นกระทรวงพลังงานจะดึงเงินสะสมจากกองทุนน้ำมันก้อนแรกจำนวน 5,000 ล้านบาท เพื่อมาช่วยตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล คาดว่าน่าจะช่วยตรึงราคาน้ำมันได้ประมาณ 5 เดือน แต่หากเกินวงเงินที่ตั้งไว้ก็จะหามาตรการอื่นๆ มาเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ในการประชุม กบง.นัดนี้ กบง.จะมีการลงมติเพื่อให้อำนาจแก่ นพ.วรรณรัตน์ มีอำนาจเต็มในฐานะ รมว.พลังงาน ในการสั่งการให้บริษัทน้ำมันปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตรทันที โดยไม่ต้องมีการประชุม กบง.เพราะอาจไม่ทันต่อสถานการณ์
แหล่งข่าวกล่าวว่า กรณีที่ นพ.วรรณรัตน์ตัดสินใจเรียกประชุม กบง.เป็นการด่วน ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เนื่องจากในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ได้ยืนกรานต่อที่ประชุม ครม.ว่าจะไม่ยอมลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้กับประชาชนแต่อย่างใดทั้งสิ้น ทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ขอร้องให้ นพ.วรรณรัตน์ช่วยหามาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของราคาน้ำมันแทน
อย่างไรก็ตาม หากมติ กบง.ดังกล่าวที่จะออกมาในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ก็จะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลของ ปตท. ปรับลดลงมาอยู่ที่ 29.49 บาทต่อลิตร ไบโอดีเซลบี-5 อยู่ที่ 28.89 บาทต่อลิตร
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1299 ครั้ง