วันที่ 20 ธันวาคม ช่วงเวลาระหว่าง 09.00 น.-11.00 น. บริเวณหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้มีชาวเขมรมุสลิม จำนวนมากหอบลูกจูงหลานพร้อมกระเป๋าสัมภาระ เดินทางข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชาเข้ามาในฝั่งไทย กันเป็นกลุ่มใหญ่ๆจำนวน 3 กลุ่ม โดยมีพาสปอร์ตมายื่นประทับตราเข้าประเทศจาก จนท.ด่าน ตม.อรัญประเทศ อย่างถูกต้องทุกคน เมื่อมาถึงบริเวณจุดตรวจยาเสพติด หน้ากองร้อยทหารพรานที่ 1206 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา บริเวณทางแยกเข้าตลาดโรงเกลือ หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1206 จึงได้ทำการตรวจสอบ และสอบถาม จากการตรวจสอบพบว่าเป็นชาวเขมรมุสลิม ส่วนใหญ่เป็นชาว จ.กัมปงจาม ประเทศกัมพูชา จำนวน 76 คน แยกเป็นชาย 27 คน ,หญิง 35 คน ,ดช.10 คน และ ดญ.4 คน โดยทุกคนอ้างว่าจะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ประเทศมาเลเซีย โดยเดินทางผ่านชายแดนที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยบางคนอ้างว่าต้องรีบเดินทางไปหาญาติที่มาเลเซีย ช่วงนี้เนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ยิ่งรุนแรงขึ้นทุกวันเกรงว่าจะมีการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา จึงรีบเดินทางกันมา โดยนำลูกหลานและญาติพี่น้องมาด้วย เพื่อไม่ต้องเกิดความเป็นห่วง
จากนั้น จนท.ทหารพรานฯได้ทำการตรวจค้น พร้อมถ่ายภาพทำประวัติชาวเขมรมุสลิมเหล่านี้ไว้ เนื่องจากจะเดินทางไปยัง3 จว.ชายแดนภาคใต้ ซึ่งจำเป็นต้องเข้มงวด และจากการตรวจค้นในกระเป๋าสัมภาระ จนท.ได้พบมียารักษาโรคชนิดต่างๆทั้งยาปฏิชิวนะและยาแก้ปวด แก้ไข้ ซึ่งเกินจากความจำเป็นที่จะใช้ในชีวิตประจำวัน ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสัมภาระ อีกทั้งไม่มีการขออนุญาตจากด่านศุลกากรฯเข้ามา จึงได้ทำการตรวจยึด ไว้และมอบให้เฉพาะที่จำเป็นแก่ชีวิตประจำวันเท่านั้น ก่อนจะปล่อยให้เดินทางต่อไปได้
ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบชาวเขมรมุสลิมที่เดินทางผ่านด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต เข้ามาเพื่อจะเดินทางต่อไปยัง 3 จว.ชายแดนภาคใต้ พบว่าตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.52 ซึ่งเป็นห้วงที่รัฐบาลกัมพูชาเกิดความขัดแย้งกับรัฐบาลไทย กรณี กัมพูชา แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณฯ เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวด้านเศรษฐกิจแก่สมเด็จฮุน เซ็น และที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา ได้มีชาวเขมรมุสลิม จากหลายจังหวัดในกัมพูชา เดินทางผ่านด่านพรมแดนอรัญประเทศ อ้างจะไปเยี่ยมญาติที่ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.52 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน มีทั้งสิ้นจำนวน 506 คน และตรวจสอบพบว่ามีเดินทางกลับมาไม่ถึง 10%
จากนั้น จนท.ทหารพรานฯได้ทำการตรวจค้น พร้อมถ่ายภาพทำประวัติชาวเขมรมุสลิมเหล่านี้ไว้ เนื่องจากจะเดินทางไปยัง3 จว.ชายแดนภาคใต้ ซึ่งจำเป็นต้องเข้มงวด และจากการตรวจค้นในกระเป๋าสัมภาระ จนท.ได้พบมียารักษาโรคชนิดต่างๆทั้งยาปฏิชิวนะและยาแก้ปวด แก้ไข้ ซึ่งเกินจากความจำเป็นที่จะใช้ในชีวิตประจำวัน ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสัมภาระ อีกทั้งไม่มีการขออนุญาตจากด่านศุลกากรฯเข้ามา จึงได้ทำการตรวจยึด ไว้และมอบให้เฉพาะที่จำเป็นแก่ชีวิตประจำวันเท่านั้น ก่อนจะปล่อยให้เดินทางต่อไปได้
ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบชาวเขมรมุสลิมที่เดินทางผ่านด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต เข้ามาเพื่อจะเดินทางต่อไปยัง 3 จว.ชายแดนภาคใต้ พบว่าตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.52 ซึ่งเป็นห้วงที่รัฐบาลกัมพูชาเกิดความขัดแย้งกับรัฐบาลไทย กรณี กัมพูชา แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณฯ เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวด้านเศรษฐกิจแก่สมเด็จฮุน เซ็น และที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา ได้มีชาวเขมรมุสลิม จากหลายจังหวัดในกัมพูชา เดินทางผ่านด่านพรมแดนอรัญประเทศ อ้างจะไปเยี่ยมญาติที่ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.52 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน มีทั้งสิ้นจำนวน 506 คน และตรวจสอบพบว่ามีเดินทางกลับมาไม่ถึง 10%
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2387 ครั้ง