รูปภาพ : David Rubenstein ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Carlyle กลุ่มทุนการเงินที่อดีตประธานาธบดีบุชผู้พ่อหนุนหลังและมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย ล่าสุดสยายปีกเครือข่ายไปถึงราชวงศ์อาบูดาบีแล้ว
ที่มา : Bloomberg
กลุ่มคาร์ลายล์ หรือ Carlyle Group ซึ่งเป็นกลุ่มทุนด้าน Private Equity ใหญ่อันดับที่ 2 ของโลกได้รับเงินลงทุนมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์จากบริษัทมูบาดาลา เดเวล็อปเมนต์ (Mubadala Development Co.) ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนของรัฐบาลอาบูดาบี เนื่องจากทางกลุ่มเตรียมเอาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเร็วๆนี้
ด้านมูบาดาลาจะได้รับหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ (Subordinated Notes) และ หุ้นสามัญเพิ่มเติมจากการลงขันให้บริษัทคาร์ลายล์ คาร์ลายล์กล่าวในแถลงการณ์อีเมล์วานนี้ (16 ธันวาคม 2010) โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้กลุ่มคาร์ลายล์ได้ขายหุ้นจำนวน 7.5% ของบริษัทให้กับมูบาดาลาในปี 2007 หลังจากตัดสินใจชะลอแผนการระดมทุนในตลาดหุ้นเนื่องจากอยู่ในช่วงวิกฤตการเงินโลก
บรรดาบริษัท LBO (Leveraged Buyout) ซึ่งใช้วิธีการกู้เงินมาเพื่อซื้อกิจการ (หรือการทำ leverage) และขายออกในภายหลัง กำลังดิ้นรนเพื่อระดมเงินเพื่อขยายกจกรรมการซื้อกิจการแม้ว่าอัตราการเติบโตของการครอบงำกิจการจะพุ่งขึ้นกว่าเท่าตัวในปีนี้มาอยู่ที่ 238,000 ล้านดอลลาร์ จากข้อมูลของบลูมเบิร์ก คาร์ลายล์ซึ่งมีสำนักงานในกรุงวอชิงตัน ดีซี ตั้งขึ้นในปี 1987 โดยนายวิลเลียม คอนเวย์, นายเดวิด รูเบนสไตน์ และ นายแดเนียล ดาเนียลโล วางแผนที่จะยื่นเอกสารเพื่อขอทำไอพีโอภายในช่วงสิ้นปีหน้า แหล่งข่าววงในระบุ
“การเป็นหุ้นส่วนของเรากับมูบาดาลายังคงดีขึ้นต่อเนื่องเพราะเราร่วมกันในด้านโอกาสการลงทุนและแบ่งปันมุมมองในภาคธุรกิจและเศรษฐกิจภูมิภาคแก่กัน” นายรูเบนสไตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคาร์ลายล์กล่าวในแถลงการณ์ บริษัทจะใช้เงินที่ได้ส่วนหนึ่งในการขยายขอบเขตของผลิตภัณฑ์การลงทุน เจ้าหน้าที่จากมูบาดาลาปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม
มูบาดาลาเดินตามกองทุนของรัฐบาลอื่นๆเช่น China Investment Corporation (CIC) ของจีนในการซื้อหุ้นในบริษัท Private Equity กองทุน CIC ซึ่งบริหารเงินลงทุนของรัฐบาลจีนกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ ได้จ่ายเงินกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้น 9.4% ในห้่างหุ้นส่วนจำกัด กลุ่มแบล็กสโตน (Blackstone Group LP) ผู้บริหารกองทุน LBO รายใหญ่ที่้สุดของโลกในช่วงของการขายหุ้น IPO เดือนมิถุนายน 2007 นอกจากนั้น CIC ยังได้ซื้อหุ้นบริษัท Private Equity สัญชาติอังกฤษอย่าง Apax Partners LLP ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาด้วย
ร่วมมือกับมูบาดาลา
“นับแต่การลงทุนครั้งแรกในปี 2007 เราทั้ง 2 บริษัทได้ร่วมมือกันในหลายๆภาคอุตสาหกรรม” นายคาลดูน อัลมูบารัก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมูบาดาลากล่าวในแถลงการณ์ “เรามั่นใจในความสำเร็จที่ต่อเนื่องของตาร์ลายล์ในฐานะผู้บริหารสินทรัพย์แนวทางเลือกระดับโลก”
ปัจจุบันคาร์ลายล์มีกองทุนที่ดำเนินงานอยู่ 76 กองทุนโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ Private Equity หนี้ และ อสังหาริมทรัพย์ กองทุนที่ใหญ่ที่สุดของคาร์ลายล์ ซึ่งระดมเงินได้กว่า 13,700 ล้านดอลลาร์ในปี 2007 ซึ่งเน้นไปที่การทำ LBO ในทวีปอเมริกาเหนือ ขาดทุนไปกว่า 10% ของเงินลงทุน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2010 จากข้อมูลของกองทุน CALPERS ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้หนุนหลังบริษัทรายใหญ่ที่สุด กองทุนก่อนหน้านั้นของคาร์ลายล์ซึ่งระดมเงินในปี 2005 มีผลตอบแทน 10% นับแต่นั้น ข้อมูลจาก CALPERS ระบุ ในยุโรป กองทุน LBO มูลค่า 5,400 ล้านยูโรของคาร์ลายล์ซึ่งระดมเงินในปี 2007 มีผลขาดทุนกว่า 40% นับแต่ระดมเงิน จากข้อมูลของ CALPERS
การลงทุนที่ผ่านมาของมูบาดาลามีตั้งแต่การร่วมทุนกับบริษัทจีอีมูลค่ากว่า 8,000 ล้านดอลลาร์, การซื้อหุ้นบริษัทชิพอย่าง AMD บริษัทชิพอันดับ 2 ของโลกรองจากอินเทล และการถือหุ้น 17% บริษัทผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเนเธอร์แลนด์อย่าง Spyker Cars NV
โกลด์แมน แซคส์ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้มูบาดาลา ขณะที่ซิตี้กรุ๊ปและเจพีมอร์แกน เชสให้คำปรึกษาทางการเงินกับคาร์ลายล์
ที่มา Bloomberg
แปลและเรียบเรียงโดย เบ๊นซ์ สุดตา ฝ่ายข่าวเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ Mtoday