นายกฯทุบโต๊ะสั่งกลางครม.ให้ “วีระศักดิ์ จินารัตน์”ออกจากตำแหน่งผู้ช่วย รมว.พาณิชย์ ไว้ก่อน หลังมีปัญหาสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตระบายข้าวในสต๊อกรัฐ
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)ได้จัดทำข้อเสนอแนะกับรัฐบาลเพื่อป้องกันการทุจริตในการแทรกแซงตลาดข้าวของรัฐบาล พร้อมกันนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ดำเนินการตรวจสอบพร้อมกับให้ข้าราชการการเมืองออกจากตำแหน่งไว้ก่อนในกรณีที่มีการร้องเรียน
วีระศักดิ์
ทั้งนี้ ตัวแทนจาก ป.ป.ช. ได้รายงาน ครม.ถึงปัญหานโยบายการแทรกแซงข้าวของรัฐบาลที่สำคัญ 2 ประการคือ 1.ปัญหาข้าวค้างในโกดังกลางของรัฐบาล ซึ่งจากการรายงานในคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ระบุว่า ณ วันที่ 17 พ.ค. 2553 มีจำนวน 5.604 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวที่ค้างมาตั้งแต่ปี 2544/45 เรื่อยมาจาถึงฤดูนาปรังปี 2552 ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บประมาณ 810 ล้านบาทต่อเดือนและคุณภาพข้าวเสื่อมคุณภาพทางกายภาพ
2.ปัญหาของโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่พบว่า จากการสำรวจครัวเรือนที่ทำประกัน ได้แจ้งจำนวนพื้นที่และผลผลิตเกินความเป็นจริง ทำให้รัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างสูงมากกว่าความเป็นจริง
ดังนั้น ป.ป.ช.จึงมีข้อเสนอกรณีข้าวที่ค้างในโกดัง ให้ครม.สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ดำเนินโครงการรับจำนำเร่งรัดจัดทำรายงานการเงินและปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทุกโครงการ เป็นรายโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ส่วนโครงการประกันรายได้จะต้องรณรงค์ให้เกษตรกรมีจิตสำนึกแจ้งข้อมูลที่แท้จริง พร้อมเห็นว่าระบบประชาคมหมู่บ้านในทางปฏิบัติไม่น่าได้ผล ทั้งอาจจะเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแสวงหาประโยชน์
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ข้าวในสต๊อกรัฐบาลขณะนี้ไม่ได้มี 5 ล้านตันตามที่ป.ป.ช.ระบุ ในวันนี้ได้ระบายข้าวในสต๊อกเกือบหมดแล้ว อีกทั้งต้องมียุทธศาสตร์ในการระบาย และต้องเก็บข้าวบางส่วนไว้รองรับกรณีมีการเกิดปัญหาอุทกภัย ส่วนการแจ้งพื้นที่ทำการเกษตรในโครงการประกันรายได้เกษตรกรนั้น รัฐบาลมีหลักเกณฑ์ระบุอยู่แล้วว่าคนที่แจ้งเท็จจะไม่ได้รับเงินในโครงการ อีกทั้งยังมีการตรวจสอบผ่านระบบดาวเทียม
ทั้งนี้ ป.ป.ช.ระบุด้วยว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.)ไม่ได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของข้อเท็จจริงของพื้นที่เพาะปลูก แต่ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ชี้แจงว่า บทบาท ธ.ก.ส.จริงๆ คือ คู่สัญญาไม่ได้มีหน้าที่ตรวจสอบ ตัวแทน ป.ป.ช. ยังได้หยิบยกปัญหาการทุจริตในโครงการระบายข้าวว่า มีข้าราชการการเมืองภายในกระทรวงพาณิชย์เข้าไปเกี่ยวข้องซึ่งทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงอย่างมาก
จากนั้นเมื่อผู้แทนป.ป.ช.ออกจากห้องประชุม นายกฯจึงสั่งการให้ นางพรทิวา ไปดำเนินการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไม่ต้องรอให้ ป.ป.ช.นำเสนอเรื่องเข้ามา พร้อมกับสั่งการให้ข้าราชการการเมืองคนดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ ป.ป.ช.ระบุชื่อข้าราชการการเมืองที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการระบายข้าวนั้นได้ระบุผิดตำแหน่ง แต่ในภายหลังที่ประชุม ครม. ได้มีการเคลียร์กันว่าบุคคลที่มีปัญหาคือ นายวีระศักดิ์ จินารัตน์ ผู้ช่วย รมว.พาณิชย์
ทั้งนี้ วันที่ 28 พ.ย.2553 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยว่า กรณีที่รัฐบาลเตรียมดำเนินการระบายข้าว 450,000 ตัน มูลค่า 5,000 ล้านบาท ออกจากสต็อก ให้กับบริษัทเอ็มที เซ็นเตอร์เทรด ได้มีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เพราะมีการนำเงินจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยส.)ของวิทยาลัยโปลีเทคนิคภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมี นายวีรศักดิ์ เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัย ไปใช้ในการดำเนินการดังกล่าว โดยนายวีรศักดิ์ได้มอบหมายให้บุคคลใกล้ชิดคือ น.ส.ฐานิญา สิงห์แจ่ม เป็นผู้ดำเนินการออกแคชเชียร์เช็คจำนวน 25 ล้านบาท ผ่านหมายเลขที่บัญชี 313-1-78139-4 ธนาคารกรุงไทย สาขาอุบลราชธานี โดยสั่งจ่ายให้กับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกรหรืออตก.จึงตั้งข้อสังเกตว่านายวีรศักดิ์ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่ชอบมาพากลดังกล่าวหรือไม่
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2021 ครั้ง