ประชา” ตอก “เทพไท” ควรเคารพสิทธิคนเสื้อแดง ชี้หาก เคลื่อนไหวยื่นค้านประกัน 7 แกนนำ เสื้อแดงลุกฮือแน่-ธาริต ยัน27 ยื่นค้านประกันตัว ไอ้ตู่
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าควรยื่นค้านการประกันตัวแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เนื่องจากมีมีพฤติกรรมปลุกปั่นม็อบหลังกลุ่ม นปช.เตรียมจะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 9 ม.ค.54 ว่า ในฐานะที่ตัวเป็นประธานคณะกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร ขอถามว่า นายเทพไท เป็น ส.ส.หรือไม่ ถ้าเป็น ก็ต้องบอกว่า ส.ส.เป็นขี้ข้าประชาชน ดังนั้น นายเทพไท ต้องเคารพสิทธิของคนเสื้อแดง ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนคนหนึ่ง และควรปล่อยให้การประกันตัวแกนนำ นปช.เป็นเรื่องเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) อีกทั้งการตกเป็นนักโทษในเรือนจำ และถูกคุมขังของแกนนำเสื้อแดง ก็เป็นคดีการเมือง ซึ่งตามสิทธิในรัฐธรรมนูญแล้ว ไม่ได้แปลว่าสูญสิ้นอิสรภาพ แต่ก็มีสิทธิประกันตัวและมีสิทธิคิดในเรื่องประชาธิปไตย หรือเคลื่อนไหวตามกรอบกติกา
นายประชา ยังกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลมีพฤติกรรมปากอย่างใจอย่าง โดยปากบอกว่า ให้มีการประกันตัวแกนนำ นปช. แต่กลับขยิบตาให้คนในพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาจุดประเด็นเคลื่อนไหวยื่นค้านประกันตัวแกนนำ นปช.ทั้ง 7 คน จึงต้องถามว่า ทำแบบนี้ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการให้คนเสื้อแดงออกมาชุมนุมครั้งใหญ่อีกหรือไม่ เพราะหากคนเสื้อแดงออกมาอีกครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีแผ่นดินอยู่แน่นอน
ขณะที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวถึงกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยสำนวนการสอบสวนคดีของผู้เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม จำนวน 6 ศพ และช่างภาพชาวญี่ปุ่น โดยระบุว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ ว่า การแถลงข่าวของนายจตุพร ได้เกิดความเสียหายกับการทำคดีของดีเอสไอ และทำให้ประชาชนเข้าใจไม่ถูกต้อง ประการแรกดีเอสไอ ขอปฏิเสธว่าเรายังไม่เคยสรุปว่า ทหารทำร้ายประชาชน ผลการสอบสวนพบว่า ข้อเท็จจริงยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ จึงได้ส่งเรื่องให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ ยังไม่มีข้อยุติ อีกทั้งยังไม่เคยมีข้อยุติของหน่วยงานใดทั้งสิ้น รวมถึงดีเอสไอ จึงขอยืนยันว่า การแถลงของ นายจตุพร ไม่ถูกต้อง ตามข้อเท็จจริงที่ดีเอสไอได้ดำเนินการ
“เป็นที่ชัดเจนตามสื่อมวลชนโดยเฉพาะหนังสือพิมพ์มติชน ว่าสิ่งที่คุณจตุพรเปิดเผย ไม่ใช่มาจากสำนวนของดีเอสไอ แต่คุณจตุพร ยอมรับว่าจัดทำขึ้นเอง อ้างว่าเป็นการสรุปขึ้นใหม่ คุณจตุพรไม่ใช่เจ้าพนักงานหรือพนักงานสอบสวน ไม่มีหน้าที่จัดทำเอกสาร พยานหลักฐานใดๆ” อธิบดีดีเอสไอ กล่าว
นายธาริต กล่าวต่อว่า สิ่งที่นายจตุพรทำนั้น เป็นการผิดตามกฎหมายอาญา 179 เป็นเรื่องการทำหลักฐานอันเป็นเท็จ เพื่อให้พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงาน เชื่อว่ามีความผิดเกิดขึ้นหรือ เชื่อว่าความผิดเกิดขึ้นร้ายแรงกว่าความเป็นจริง โดยมีโทษจำคุก ซึ่งดีเอสไอจะดำเนินคดี นายจตุพร ในฐานนี้อีกคดีหนึ่ง นอกเหนือจากคดีอื่นๆอีก และหากนาย จตุพร จะออกมาพูดภายหลังว่า สำนวนได้ทำขึ้นเองนั้น กลายเป็นว่าไม่ได้ทำขึ้นมาเอง แต่เอามาจากดีเอสไอ ก็จะมีความผิดอีกสถานหนึ่ง คือได้มาซึ่งเอกสารอันปกปิดเป็นความลับ ซึ่งดีเอสไอจะดำเนินคดีอีกซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ แต่ขณะนี้ นายจตุพรยอมรับแล้วว่าเป็นผู้จัดทำสำนวนขึ้นเอง ฉะนั้นความผิดตามมาตรา 179 จึงมีความชัดเจน
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า การที่นายจตุพร ออกมาแถลงเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด ในข้อเท็จจริงแห่งคดี และการให้ร้ายดีเอสไอว่ามีการจ้างให้เงินวันละ 1,000 บาท เพื่อให้การใส่ร้าย รวมถึงพฤติกรรมอื่นของนายจตุพรในระยะนี้ ดีเอสไอเห็นว่า นายจตุพร ได้เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อันเป็นข้อห้ามสำคัญหลังจากที่ได้รับประกันตัวไปแล้ว ซึ่งชัดเจนแล้วว่านายจุตพร ได้เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและให้ร้ายเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตนในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย จึงได้ตัดสินใจยื่นถอนประกัน นายจตุพร ต่อศาลอาญา อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 27 นี้ เวลา 10.00น. โดยจะไปดำเนินการด้วยตนเอง
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
อีกด้านหนึ่ง นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) คนใหม่ ว่า ไม่เป็นความจริง แต่พรรคจะมีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในต้นปี 54 อย่างแน่นอน
“ขอปฎิเสธโดยสิ้นเชิงว่าไม่เป็นความจริง เพราะคุณหญิงพจมานไม่ชอบการเมืองและไม่สนใจการเมือง จึงไม่มีทางที่คุณหญิงพจมานจะก้าวเข้าสู่การเมืองไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น เชื่อว่าคนที่ปล่อยข่าวในเรื่องนี้ต้องการที่จะสร้างสีสันทางการเมืองมากกว่า” นายนพดล กล่าว
ที่ปรึกษาฯ กล่าวอีกว่า พรรคฯ จะเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน เพราะจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งตามกฎหมายแล้วฝ่ายค้านจะต้องแนบรายชื่อบุคคลซึ่งสมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วย ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้านั้นยังมีเวลาอีกนานที่จะคัดสรรบุคคลที่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ทั้งคนในพรรคและนอกพรรค โดยจะต้องเป็นบุคคลมีความเป็นผู้นำ แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และต้องมีคุณสมบัติมากกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
“ไม่จำเป็นที่พรรคเพื่อไทยจะรีบร้อนการเฟ้นหาตัวคนเป็นแคนดิเดทนายกฯ ของพรรคในเวลานี้ เพราะจะมีปัญหาในเรื่องของจำนวนคนที่มากกว่าตำแหน่ง”นายนพดล กล่าว
ส่วนกรณีที่มี ส.ส.พรรคฯ กลุ่มหนึ่งจะเดินทางไปเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อขอความชัดเจนเรื่องผู้ที่จะชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจาก พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายนพดล กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงกรณีดังกล่าว แต่การที่ ส.ส.จะเดินทางไปเยี่ยมเยียนพบปะคนที่เคารพรักก็ถือเป็นเรื่องปกติ
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 960 ครั้ง