แพรวา” ตีนผีวัยทีนเอจ ต้นเหตุชนรถตู้ตกโทลล์เวย์ 8 ศพ ขวัญผวาถูกข่มขู่เอาชีวิต การรักษาพยาบาลจึงต้องถูกปิดเป็นความลับ ขณะที่ตำรวจเตรียมตั้งข้อหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต” ไว้รอแล้ว เผยสังคมเฟซบุ๊กกระหน่ำด่ากันขรม หลังจากเจ้าตัวส่งข้อความไปปรากฏเป็น status บนบีบีว่า “รถชน ไม่รู้มีคนตายกี่คนอ่ะ”
วันที่29 ธ.ค.เวลา 12.00 น. ที่ บช.น.พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.รับผิดชอบดูแลงานด้านจราจร กล่าวถึงมาตรการป้องกันอุบัติบนทางด่วนหรือโทลล์เวย์ หลังเกิดเหตุรถตู้โดยสารชนกับรถเก๋งของน.ส.อรชร หรือ แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา บนโทลล์เวย์จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 รายว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความประมาท เพราะดูจากกล้องวงจรปิดมีการขับกระชั้นชิดกัน เมื่อเกิดเหตุกะทันหันขึ้น วิสัยในการหยุดรถจึงทำไม่ได้ และไม่ได้เกิดจากการปาดหน้า แต่รถที่ชนกันก็ไม่แรงเพียงแต่มีการกระแทกรถตู้ให้เสียหลักและแรงเหวี่ยงทำให้ประตูด้านหลังของรถตู้เปิดออกประกอบกับผู้โดยสารก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุ ทำให้ไม่ได้ทันตั้งตัวจึงหลุดลอยออกจากรถตู้ทำให้เสียชีวิตในที่สุด
พล.ต.ต.ภาณุกล่าวว่า เหตุที่หลุดออกจากตัวรถตู้โดยสาร เพราะผู้โดยสารไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัยและกระเด็นออกมาตกลงจากทางด่วนที่มีความสูงถึง 20 เมตร ซึ่งตกลงมาโอกาสที่เสียชีวิตจึงมีสูง ส่วนในเรื่องมาตรการความปลอดภัยจากที่ผู้ขับขี่รถเก๋งคู่กรณีมีอายุเพียงแค่ 16 ปี ซึ่งแน่นอนว่ายังไม่สามารถมีใบขับขี่รถยนต์ได้ จึงต้องมาวิเคราะห์ว่าทำไมถึงขับรถยนต์ได้
“กรณีนี้จะมีคำถามตามมาว่าถ้าเป็นลูกของเรา แล้วเอารถยนต์ออกจากบ้านไปทั้งๆ ที่เรารู้ว่าไม่มีใบขับขี่จะต้องดำเนินการอย่างไร ซึ่งต้องหามูลเหตุอีกครั้ง พ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะไม่รู้ก็ได้ แต่กรณีนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นรถยนต์ของผู้ปกครองหรือไม่ หรือเป็นรถของเพื่อนที่ยืมมา ซึ่งหากเป็นรถของผู้ปกครองก็อาจจะเป็นการปล่อยปละละเลยไม่ห้ามปราม ซึ่งต้องพิสูจน์กันอีกครั้ง” พล.ต.ต.ภาณุกล่าว
รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า หากถามว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันได้หรือไม่ เพราะคนขับรถยนต์ไม่มีใบขับขี่ จุดนี้ยอมรับว่าในยามค่ำคืนค่อนข้างยากในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แต่ขอฝากกรณีดังกล่าวให้ผู้ปกครองเข้มงวดหากบุตรหลานยังไม่มีใบขับขี่ ต้องไม่อนุญาตให้นำรถออกมาใช้เด็ดขาด ไม่ว่าจะขับเก่งแค่ไหนก็ตาม เพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ในทางของกฎหมายของเยาวชนนั้นต้องดูที่เจตนาความผิด เช่นกรณีนี้ไม่มีใบขับขี่ ก็เข้าข่ายความผิดไม่มีใบอนุญาต แต่หากมีความประมาทก็ต้องเข้าข่ายความผิดอีกอย่างหนึ่ง แต่กรณีนี้เป็นเยาวชน การแจ้งข้อหาก็ต้องรอให้ออกจากโรงพยาบาลก่อน และต้องให้ทนาย อัยการ นักจิตวิทยาเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกันเพื่อสอบปากคำ
พล.ต.ต.ภาณุกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังต้องรอไปก่อน ส่วนจะประมาทหรือไม่ก็ต้องรอคำให้การจากพยานและหลักฐานอื่นๆ ประกอบแต่จากภาพในกล้องวงจรปิด ก็พบว่ารถเก๋งคันนี้ขับมาอย่างกระชั้นชิด ซึ่งตามกฎหมายก็ระบุให้เว้นช่องว่างเพื่อให้มีระยะเบรกที่พอเหมาะ แต่ที่แน่ๆ คือ มีความผิดที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่อย่างแน่นอน
มีรายงานว่า ในสังคมเฟซบุ๊ก และบีบี ต่างโพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันอย่างหลากหลาย โดยส่วนใหญ่ตำหนิผู้ขับขี่ที่วุฒิภาวะและการตัดสินใจยังน้อย รวมทั้งครอบครัวของผู้ขับขี่ที่ปล่อยให้เด็กสาววัยเพียง 16 ปี ออกมาขับรถจนเกิดอุบัติเหตุสยองขึ้น
นอกจากนี้ ความคิดเห็นในสังคมดังกล่าวยังตำหนิผู้ขับขี่ที่หลังจากเกิดเหตุแล้วได้ยืนอยู่ขอบถนนบนทางด่วนโทลล์เวย์ และหยิบโทรศัพท์มาออกกดข้อความส่ง ซึ่งข้อความดังกล่าวไปปรากฏเป็น status บนบีบีว่า “รถชน ไม่รู้มีคนตายกี่คนอ่ะ” โดยข้อความดังกล่าว สังคมในเฟซบุ๊กต่างแสดงความคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่าเป็นข้อความที่ไร้ความรับผิดชอบ
ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่ รพ.วิภาวดี พ.ต.ท. พิทักษ์ นิยมพฤกษ์ รอง ผกก.งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต ได้เดินทางไปสอบปากคำผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุมีนายวรัญญู เกตุชู อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ น.ส.กัญจนภัส ปัญญาประเสริฐ อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันเดียวกันว่า ขณะนี้ตำรวจได้ทำการสอบปากคำพยานซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่พอให้การได้ และรวบรวมพยานหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ส่วน น.ส.อรชร หรือ แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 16 ปี คนขับรถฮอนด้าซีวิคคู่กรณี ขณะนี้ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่สะโพก ซึ่งการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลต้องปิดเป็นความลับ เนื่องจากตอนนี้ น.ส.อรชรมีความหวาดกลัวเพราะถูกข่มขู่เอาชีวิต อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ได้สอบปากคำ น.ส.อรชร และยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจาก น.ส.อรชรยังเป็นเยาวชน ตำรวจต้องรอสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ ซึ่งหลังจาก น.ส.อรชรหายดีจะเชิญตัวมาสอบปากคำทันที ทั้งนี้ ตนขอยืนยันตำรวจจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ด้าน นายวรัญญูกล่าวว่า หลังเลิกเรียนได้ขึ้นรถตู้เพื่อเดินทางกลับบ้านย่านงามวงศ์วาน โดยนั่งอยู่แถวด้านใน หลังขึ้นรถจ่ายเงินเสร็จก็หลับไป มารู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่รถถูกชนอย่างรุนแรง จากนั้นรถหมุนคว้างจนตนล้มไปทับผู้โดยสารอีกคน ก่อนที่ตนจะรวบรวมสติคลานออกมาจากซากรถตู้ และถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยนำส่งโรงพยาบาล ขณะนี้แพทย์ได้ทำการผ่าตัดกระดูกไหปลาร้าที่หัก และหัวเข่า ซึ่งอาการโดยทั่วไปดีขึ้นมากแล้ว
นางภัคนันท์ เกตุชู อายุ 53 ปี อาชีพทำสวนที่ จ.พัทลุง มารดานายวรัญญู กล่าวว่า หลังทราบข่าวรู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าผู้ประสบเหตุจะเป็นลูกตนเอง จึงรีบเดินทางขึ้นมา กทม.เพื่อมาดูอาการของลูก ซึ่งภายหลังแพทย์ทำการผ่าตัด อาการดีขึ้นมาก ทั้งนี้ อยากให้ตำรวจดำเนินคดีต่อผู้ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างเฉียบขาด
นางพิจิตรา ปัญญาประเสริฐ อายุ 48 ปี อาชีพนักข่าววิทยุใน จ.เชียงใหม่ มารดา น.ส.กัญจนภัส กล่าวว่า ปกติลูกสาวจะพักอยู่ที่หอพักภายในมหาวิทยาลัย แต่ในวันเกิดเหตุได้นั่งรถตู้เพื่อจะมาขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิต เพื่อเดินทางกลับบ้านที่ จ.เชียงใหม่ แต่กลับมาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน ซึ่งอาการโดยทั่วไปดีขึ้น แต่ยังน่าเป็นห่วง เรื่องของเส้นเลือด สะโพก และหลังที่เป็นแผลฉกรรจ์ ส่วนคดีความยังไม่ได้คิด ต้องรอให้ลูกสาวดีขึ้นก่อน อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุย ลูกสาวยังคงตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่หลังตนปลอบประโลมจนถึงขณะนี้สภาพจิตใจดีขึ้นมากแล้ว ทั้งนี้ อยากให้คู่กรณีมาแสดงความรับผิดชอบบ้าง เพราะตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลมาจนถึงวันนี้ยังไม่มีใครมาแสดงความรับผิดชอบ
ด้าน นายไตรภพ วิชย์โกวิทเทน หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า นักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่บาดเจ็บในครั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยได้ส่งตัวแทนนักศึกษาแต่ละคณะมาเยี่ยมตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา และได้ตรวจสอบว่าทางมหาวิทยาลัยจะให้ความช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ทั้งนี้ ตอนแรกอยากให้ย้ายไปรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อจะได้ดูแลอย่างเต็มที่ แต่ผู้บาดเจ็บต้องเข้ารับการผ่าตัด และต้องดูแลอย่างต่อเนื่องจึงยังคงรักษาที่ รพ.วิภาวดีไปก่อน ซึ่งก็ต้องรอดูอาการ และความประสงค์ของผู้ปกครองด้วย ส่วนเรื่องการเรียนทางคณะได้สอบไปแล้วส่วนหนึ่ง และจะสอบอีกครั้งในช่วงหลังปีใหม่ ซึ่งทางคณะเข้าใจดี และคิดว่าเรื่องการเรียนการสอนคงไม่มีปัญหาอะไร
ขณะที่ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กลันทปุระ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร กล่าวว่า คดีนี้ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหลายราย เป็นเหตุสะเทือนขวัญ โดยเมื่อช่วงเช้าพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้บาดเจ็บที่พอให้การได้ ซึ่งยังคงพักรักษาตัวที่ รพ.วิภาวดี ซึ่งส่วนใหญ่ให้การไปเท่าที่ตนเองเห็น ส่วนคนขับรถเก๋งคู่กรณียังเป็นเยาวชน หลังเกิดเหตุได้รับบาดเจ็บพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล พนักงานสอบสวนจึงยังไม่ได้สอบปากคำ อย่างไรก็ตาม ได้ทำการสอบปากคำมารดา ซึ่งให้การว่ารู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้ตำรวจทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
“ผมขอยืนยันว่าไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคดีนี้ผู้บังคับบัญชาได้กำชับมาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งคดีนี้ได้ตั้งชุดสอบสวนไว้หมดแล้ว เบื้องต้นสำหรับคนขับรถเก๋งจะแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนข้อหาอื่นจะพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่พบ ส่วนกรณีเยาวชนมาขับรถ ตำรวจต้องดู พ.ร.บ.จราจรมาประกอบการพิจารณาความผิด ส่วนรถทั้ง 2 คันให้เจ้าหน้าที่ พฐ.มาเก็บรายละเอียดเพื่อเติมเพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี ทั้งนี้ อยากฝากถึงผู้ที่เห็นเหตุการณ์สามารถเดินทางมาให้ข้อมูลกับตำรวจ สน.วิภาวดีได้ตลอด 24 ชม.” พ.ต.อ.ชัยวัฒน์กล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1621 ครั้ง