แดงเคลื่อนทัพเข้าใจกลางกรุง-ยิ่งลักษณ์เผ่นนอก
การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง ที่นัดรวมตัวกันในวันที่ 12 มีนาคม โดยนัดหมายตมจุดยุทธศาสตร์ที่จะเข้าไปยังศูนย์กลางการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าลาศ 6 จุด ซึ่งแต่ละจุดมีการเคลื่อนไหวตั้งแต่เช้า แต่ไม่ค่อยจะคึกคักมานัก โดยที่อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ บางเขน จนถึงเที่ยงมีผู้ชุมนุม 300-400 คน แต่ก็มีผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มทยอยมาเรื่อยๆ ซึ่งตำรวจจำกัดพื้นที่ให้อยู่รอบอนุสาวรีย์เท่านั้น
กิจกรรมของกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มในเวลา 12.12 น. ด้วยการบวงสรวงเทวดาฟ้าดินเพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนจะมีการเคลื่อนขบวนไปตามถนนพหลโยธิน โดยไปปักหลักจากเดิมแค่หน้าเมเจอร์รัชโยธิน ก็จะขยายเส้นทางไปถึงห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวและรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยจะมีการตั้งเวทีปราศรัยย่อย 2 จุด ด้วยคือ ที่บีทีเอส และกรมทหารราบ 11 รักษาพระองค์
ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ มีผู้ชุมนุมไปรวมตัวกันไม่มากนัก ในช่วงเที่ยงมีประมาณ 300-400 นเช่นเดียวกัน ส่วนที่แยกบางนา มีผู้ชุมนุม 200-300 คน ซึ่งต้องรอดูในช่วงเย็นๆค่ำๆว่า จะมีผู้ชุมนุมมากแค่ไหน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวว่า หลังจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมา 24 ชั่วโมง เหตุการณ์ยังคงปกติ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศจะมีการเคลื่อนไหวภายในวันนี้ (12 มี.ค.) ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันว่าจะดูแลสถานการณ์และประชาชนให้ใช้ชีวิตได้ตามปกติ และให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง และประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก เพราะเป้าหมายของกลุ่มผู้ชุมนุมคือสถานที่ราชการ ไม่ใช่บ้านเรือนของประชาชน
อย่างไรก็ตาม การที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในวันที่ 15 มีนาคมนี้ หากนายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาล ไม่ยุบสภาภายในวันที่ 14 มีนาคมนั้น นายสุเทพกล่าวว่า แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำการยั่วยุ ปลุกปั่น ก็จะดำเนินการเข้าจับกุมทันที และที่สำคัญรัฐบาลชุดนี้มาถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย เบื้องต้นคาดว่าการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงอาจยืดเยื้อ 3-7 วัน
ขณะเดียวกัน ได้มีคำเตือนให้หลีกเลี่ยงถนนที่กลุ่มเสื้อแดงใช้เคลื่อนขบวนด้วย
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนางเยาวเรศ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้หลบออกนอกประเทศไปแล้วโดยนางยิ่งลักษณ์ เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายไปที่ประเทศสิงคโปร์ ส่วนนางเยาวเรศ น้องสาวอีกคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีข่าวแจ้งว่าได้เดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปพำนักอยู่ที่ประเทศฮ่องกง อย่างไรก็ตาม จากตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเบื้องต้นพบว่า ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนางเยาวเรศต่างเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศหมาดๆ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้มีกระแสข่าวว่าทั้งสองได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วเมื่อคืนวันที่ 12 มีนาคม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา นางเยาวเรศเพิ่งปรากฏตัวเพื่อสร้างข่าวเป็นขวัญและกำลังใจให้กลุ่มคนเสื้อแดง โดยได้ออกหน้าเป็นแม่งานในการจัดทอดผ้าป่าเพื่อหาค่าน้ำมันในการชุมนุม โดยอ้างว่าครั้งนี้มีการบริจาคเป็นยอดเงินถึง 10 ล้านบาท ทั้งหมดสอดคล้องกับข้อมูลของ ตม.ที่แสดงว่าที่นางเยาวเรศเดินทางกลับเข้าประเทศไทยครั้งนี้เพื่อมาเข้าฉากสำคัญให้กลุ่มคนเสื้อแดงตายใจว่าญาติพี่น้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้หลบหนีไปไหนและอยู่เคียงข้างคนเสื้อแดงในการชุมนุมตลอด
ส่วนการดูแลสถานที่สำคัญที่เป็นจุดอ่อนไหวนั้น ได้มีกองกำลังทหาร 1 กองร้อย จากหน่วยรบพิเศษ ลพบุรีเข้ามาประจำการดูแลรักษาความปลอดภัยตามจุดสำคัญต่าง ๆ เช่น บริเวณประตูทางเข้าออกทุกทางของทำเนียบรัฐบาล บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ รวมทั้งบริเวณด้านหน้าของกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนบริเวณภายในทำเนียบรัฐบาล บริเวณด้านในที่ตรงข้าม ก.พ.ได้มีการตั้งเวทีเครื่องเสียงขนาดใหญ่ เพื่อไว้ใช้ในการประกาศบอกกลุ่มผู้ชุมนุม ถ้ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย หรือบุกเข้ามาในสถานที่ราชการ พร้อมกันนี้ได้มีการนำรถ ยกเตรียมพร้อมเอาไว้ด้วย
* ไม่ขวางม็อบ-ทำผิดจัดการ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ว่า ได้หารือกันถึงการอำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุมที่ต้องการใช้สถานที่ต่าง ๆ โดยยอมให้ใช้สถานที่ตามที่ ต้องการแต่จะมีข้อห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติ คือจะต้องไม่กระทำการใดที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ต้องชุมนุมโดยสงบ ก็จะได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่รัฐ แต่หากผู้ชุมนุมไปบุกรุก บ้านพักหรือสถานที่ราชการ จะถือว่าไม่ได้ชุมนุมโดยสงบ ก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองรวมทั้งการไปขัดขวางเส้นทางคมนาคม ปิดถนน ปิดสถานีรถไฟ ปิดสนามบินไม่ได้โดยเด็ดขาด อย่างนี้ต้องสลายทันทีตามหลักสากลคือ เข้าไปเจรจา ตักเตือน จับกุม ใช้น้ำฉีดและใช้แก๊สน้ำตา กำลัง 5 หมื่นเคลื่อนพล
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในพื้นที่ความมั่นคงรถอีแต๋นจะเข้ามาไม่ได้เด็ดขาด รถกระบะที่บรรทุกคนเข้ามาก็เข้ามาไม่ได้ ยกเว้นรถกระบะของประชาชนที่มาเยี่ยมลูกหลานหรือมาติดต่อธุรกิจปกติก็เข้ามาได้ แต่ขอความร่วมมือประชาชนเหล่านี้ให้ไปขอหนังสือรับรองจากอำเภอในภูมิลำเนาติดตัวมาด้วย จะได้ทราบว่าไม่มีเจตนาจะนำรถมากีดขวางการจราจร รวมถึงรถขนผักหรือพืชผลการเกษตรที่ค้าขายใช้ชีวิตปกติ หลักการศอ.รส. คือทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
เมื่อคืนได้สั่งการให้เคลื่อนย้ายกำลัง ที่จะต้องทำหน้าที่ประมาณ 5 หมื่นคนแล้ว โดยทั้งหมดไม่มีพกอาวุธ แต่งเครื่องแบบและมีเครื่องหมายบอกฝ่ายชัดเจน ซึ่งใครที่แต่งเครื่องแบบเลียนแบบเจ้าหน้าที่จะถูกดำเนินการทันที ช่วงชุมนุมหากมีกลุ่มที่แฝงมาแล้วบุกรุกไปในที่ตั้งของทหาร หรือตำรวจ เราจะใช้หน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือที่หน่วยสวาท ปราบปราม เพราะถือว่าพวกนี้เป็นพวกผู้ก่อการร้าย รองนายกฯ กล่าว
* คุมเข้มศิริราชห้ามวุ่นวาย
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นพิเศษก็คือ ประชาชน ทั้งประเทศมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประชาชนมีความเป็นห่วงกังวล ซึ่งทางศอ.รส.ได้วางมาตรการดูแลถวายการรักษาอย่างดีที่สุด และขอความร่วมมือไปถึงผู้ชุมนุมทุกท่านว่าถนนทุกสาย ทุกเส้นทางไม่ว่าจะไปทางบกทางน้ำที่จะไปสู่รพ.ศิริราช ห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมไปโดยเด็ดขาด
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะใช้พื้นที่ใดเป็นกระบอกเสียงชี้แจงกับประชาชนในช่วงชุมนุม นายสุเทพ กล่าวว่า ได้เตรียมสถานที่ที่กรมทหารราบที่ 11 เป็นสถานที่ตั้งกองบัญชาการ ศอ.รส. เพราะถือว่าอยู่ห่างจากจุดใหญ่ ทั้งนี้คนที่จะมีอาวุธ คือเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่จะแต่งเครื่องแบบแต่ละสังกัดพกอาวุธ เป็นการปฏิบัติปกติของหน่วยลาดตระเวน ที่ไม่ใช่หน่วยที่มาตั้งประชันหน้ากับผู้ชุมนุม และหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจ หรือหน่วยสวาทที่จะแต่งเครื่องแบบตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษชัดเจน ซึ่งตนจะนำเอาตัวอย่างหน่วยสวาทที่ติดอาวุธครบมาแสดงให้สื่อมวลชนดู ซึ่งมีจำนวนเป็นร้อยคนเท่านั้น
* มาร์ค-เทพอยู่เซฟเฮาส์
เมื่อถามว่ามีคนในที่ประชุมคณะ กรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) บอกหรือไม่การเตรียมการครั้งนี้ยิ่งกว่าการมีการปฏิวัติอีก นายสุเทพ กล่าวว่า ตนรู้สึกว่าน้อยเกินไปด้วยซ้ำไปถ้ามีกำลังมากกว่านี้ตนจะใช้มากกว่านี้ ตนกังวลใจจริง ๆ เพื่อดูแลพื้นที่ให้ทั่ว เมื่อถามว่าการที่รัฐบาลตั้งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะผู้ประสานงานกับคนเสื้อแดง จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คราวนี้เป็นกรณีพิเศษที่รัฐบาลตั้งใจที่จะแก้ปัญหาโดยสันติวิธี ใช้เลขาธิการนายกฯ ถือว่าดีที่สุดแล้ว พูดแทนนายกฯและศอ.รส. ได้ส่วนตนเป็นผอ.ศอ.รส. ถ้าต้องไปนั่งเจรจากันอยู่ก็คงไม่สามารถนั่งบริหารงานได้
เมื่อถามว่าจะพาครอบครัวไปหลบในพื้นที่ต่างจังหวัดหรือเซฟเฮาส์หรือไม่ นาย สุเทพ กล่าวว่า ตนก็ยังไม่ได้คุยกันเลย ภรรยาและลูกยังอยู่ที่บ้าน แต่ตนตั้งใจว่าตัวเองจะไปอยู่ในที่พักที่เดียวกับนายกฯ ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เพื่อที่จะสะดวกในการไปปฏิบัติงานแก้ไขสถานการณ์ ส่วนครอบครัวก็พยายามจะชักชวนอยู่ ส่วนครม.ชุดเล็ก 9 คน จะไม่ได้ไปอยู่รวมกันในเซฟเฮาส์หรือสถานที่ที่ใช้เป็นกองบัญชาการ อยู่บ้านใครบ้านมันสบายกว่า ขณะนี้จะมีเพียงตนกับนายกฯเท่านั้นที่จะไปอยู่ด้วยกัน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1153 ครั้ง