ป้ายแดงไม่พอติดรถชาวสวนยางสุราษฎร์ธานี หลังแห่ถอยรถวันเดียว 400 คันมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท โชว์รูมเผยส่วนใหญ่เป็นรถกระบะยกสูง 2 ตอน ขณะที่ราคายางยังพุ่งไม่หยุด
นายสุรินทร์ ชูเพชร รองผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัทโตโยต้าสุราษฎร์ธานี จำกัด กล่าวว่าบริษัทรถยนต์ต่างๆในเขตอ.เมืองสุราษฎร์ธานีป้ายแดงไม่พอติดรถยนต์หลังจากชาวสวนยางพาราแห่ซื้อรถวันเดียว 400 คัน คิดมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท หลังจากขายยางพาราได้ราคาแพงเลยถือโอกาสวันที่ 13 ม.ค.เป็นวันฤกษ์ดีของผู้ออกรถยนต์ใหม่
ยอดการออกรถที่บริษัทโตโยต้าสุราษฎร์ธานี มีประมาณ 150 คัน บริษัทประจักษ์อีซูซุ ประมาณ 130 คัน บริษัท ฮอนด้า สุราษฎร์ออโต้โมบิว ประมาณ 50 คัน บริษัท นิสสันสุราษฎร์ธานี ประมาณ 30 คัน และยี่ห้ออื่นๆอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งหมดกว่า 400 คัน
รถที่ออกใหม่วันนี้ส่วนใหญ่เป็นรถกระบะยกสูง 2 ตอน รถเก๋งและรถเฟอร์จูนเนอร์ นับเป็นวันที่รถออกมากที่สุดจนต้องทยอยขนถ่ายลงจากรถเทลเลอร์และป้ายแดงที่มีไม่เพียงพอต้องขอเพิ่มมาจากกรุงเทพฯอีกจำนวนมาก หลังจากนี้ยังมีลูกค้าจะมารับรถอีกวันละ 5-10 คัน ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลบริษัทอื่นๆพบว่าต่างมียอดจองที่โรงงานผลิตให้ไม่ทันอีกประมาณไม่ต่ำกว่า 200 คัน ที่เป็นผลจากพืชผลการเกษตรสวนยาง สวนปาล์มมีราคาดี
น.ส.จิดาภา หีตหมื่น ชาวบ้านต.หนองไทร อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ที่พามารดานำน้ำมนต์จากพระวัดใน อ.พุนพิน ที่เคารพนับถือมาปะพรมรถเก๋งคันใหม่ มารับรถพร้อมกับญาติๆ กล่าวว่า ใช้เวลาจองไม่นานเพราะมีรถอยู่ในสต๊อกพอดี ซึ่งราคายางทำให้ฐานะและครอบครัวดีขึ้นมาก
ด้าน น.ส.สิริพร เรืองปาน อายุ 42 ปี อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้จองรถยี่ห้อหนึ่งไว้ตั้งแต่เดือนธ.ค.53 ต้องรอประมาณ 4 เดือน จะได้รถราวเดือนเม.ย. 54 ซึ่งรายได้จากสวนยางกิโลละ 151 บาท ทำให้มีเงินวางดาวน์ไว้สูงจะได้ผ่อน
ส่วนบรรยากาศที่สำนักงานขนส่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีสภาพคึกคักไม่ต่างกัน โดยมีประชาชนเจ้าของรถยนต์ใหม่ไปยื่นขอจดทะเบียนรถเป็นจำนวนมาก
นางโรจนา อรุณสกุล ผอ.สำนักงานขนส่ง จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า รถยนต์ออกมากจนป้ายแดงมีไม่พอและส่วนกลางผลิตให้เพิ่มไม่ทัน จึงขอให้เจ้าของรถรีบมาจดแจ้งการครอบครองรถยนต์จะได้มีป้ายแดงไปหมุนเวียนให้ผู้ออกรถใหม่ เนื่องจากระยะนี้ตำรวจมีความเข้มงวดสูง หากรถที่ไม่ติดป้ายแดงหรือป้ายทะเบียนจะถูกปรับเงินสูงถึง 2,000 บาท
ด้านนายธีระกิจ หวังมุฑิตากุล ประธานหอการค้า จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เศรษฐกิจของจังหวัดยังขึ้นอยู่กับผลิตผลการเกษตรสวนยางและสวนปาล์มเป็นหลัก ปีนี้ถือเป็นปีทองของเกษตรกรสวนยางสวนปาล์มมีผลผลัดดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมาก
วันเดียวกัน ผลการประมูลซื้อขายยางพาราที่ตลาดกลางทั้ง 3 แห่งในภาคใต้ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี , จ.นครศรีธรรมราช และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ปรากฎยางแผ่นดิบขยับราคาขึ้นเล็กน้อยเป็น 152.31 บาทต่อ ก.ก.เท่ากัน โดยมียางเข้ามาขายทั้งหมด 40,000 ก.ก.หรือ 40 ตัน ขณะที่ราคารับซื้อยางในตลาดท้องถิ่น จ.สุราษฎร์ธานี ขึ้นสูง ก.ก.ละ 150 บาทเป็นวันแรก เนื่องจาก มีการกว้านซื้อยางป้อนให้พ่อค้ารายใหญ่ไว้ส่งออก
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2481 ครั้ง