เปิดข้อมูล “สนธิ” บินคูเวตพบ “แม้ว” ก่อนจัดม็อบพันธมิตรยึดมัฆวานแค่วันเดียว แถมเดินทางไปฮ่องกงวันเดียวกับ “ชานนท์ สุวสิน” คนสนิทแม้ว แต่อำพรางการเดินทางโดยใช้คนละสายการบิน ขณะที่พันธมิตรฯถอดใจ ไม่เคลื่อนขบวนแล้ว
ในขณะที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศยกระดับการชุมนุมเป็นการขับไล่รัฐบาล เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีลาออกทั้งคณะ โดยเตรียมที่จะเคลื่อนไหวไปยังสถานที่ราชการสำคัญในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่รัฐสภาจะลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และมาตรา 93-98 นั้น
ได้ปรากฏข้อมูลที่อาจมีความเชื่อมโยงกับเหตุผลที่ทำให้แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยกระดับการชุมนุมเป็นการขับไล่รัฐบาล โดยพบว่าก่อนที่กลุ่มพันธมิตรฯจะชุมนุมเพียงไม่กี่วัน มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เดินทางไปฮ่องกง เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2554 ด้วยเที่ยวบิน CX 0702 วันเดียวกับที่คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือ นายชานนท์ สุวสิน เดินทางไปฮ่องกงด้วยเช่นเดียวกันด้วยเที่ยวบิน TG 0628 และทั้งสองคนได้เดินทางจากฮ่องกงไปประเทศคูเวตในวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พำนักอยู่ที่ประเทศดังกล่าว โดยทั้งนายสนธิและนายชานนท์ได้เดินทางกลับประเทศไทยในวันเดียวกันคือ วันที่ 24 มกราคม 2554 ก่อนการจัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 25 มกราคมเพียงวันเดียว แตกต่างกันเพียงแค่ นายสนธิ บินตรงจากคูเวต ด้วยเที่ยวบิน KU0411 กลับประเทศไทย ส่วนนายชานนท์ บินจากคูเวตเข้าฮ่องกองและเดินทางจากฮ่องกงด้วยเที่ยวบิน TG 0629 กลับประเทศไทย
สำหรับนายชานนท์ เป็นอดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทยในช่วงปี 2548-2550 และเป็นบุคคลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ความไว้วางใจให้ดูแลด้านการเงินทางธุรกิจให้กับครอบครัวชินวัตร และเป็นผู้ควบคุมการจ่ายของพรรคไทยรักไทยให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย โดยในปัจจุบันก็ยังมีบทบาทสำคัญในการดูแลด้านการเงินให้กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งในการสั่งอายัดทรัพย์บุคคุลและนิติบุคคลตามคำสั่ง ศอฉ.ที่ 49/2553 เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ห้ามมิให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคล หรือนิติบุคคล เท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประเทศและความปลอดภัยของประชาชนรวม 106 ราย แบ่งเป็นบุคคล 93 ราย และนิติบุคคล 13 ราย ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทของคนในตระกูลชินวัตรและคนใกล้ชิดตระกูลชินวัตรทั้งสิ้น ประกอบด้วย บริษัท ทุนนวัตกรรม จำกัด บริษัท นิวโอ๊ค จำกัด บริษัท บี.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัท ประไหม สุหรี พร็อพเพอร์ตี้บริษัทพี.ที.คอร์ปอเรชั่นจำกัด บริษัท เอส ซี ออฟฟิซ ปาร์ค จำกัด บริษัท เอสซี ออฟฟิซ พลาซ่า จำกัด บริษัท โอ เอ ไอ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด บริษัท โอเอไอ คอนซัลแต้นท์แอนด์แมนเนจเม้นท์ จำกัด บริษัท โอเอไอ แมนเนจเม้นท์ จำกัด บริษัท โอเอไอ ลีสซิ่ง จำกัด บริษัท โอเอไอ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด บริษัท เอส ซี เค เอสเทต จำกัด โดยจากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ในจำนวน 13 บริษัทนี้มี 12 บริษัทที่ นายชานนท์ ร่วมเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันของบริษัท แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีให้กับ นายชานนท์ ในการดูแลธุรกิจของครอบครัว(ข้อมูลจากเวบไซด์ เสรีไทย)
อีกด้านหนึ่ง นายประพันธ์ คูณมี และนายปานเทพ พัวพังษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน มีมติไม่เคลื่อนขบวนไปที่ใดในวันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เนื่องจากเกรงจะกระทบการจราจร สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก แต่จะจัดขบวนรถบรรทุกส่วนหนึ่งนำอาหารและเงินไปมอบให้กับทหารและประชาชนแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปะทะระหว่าง 2 ประเทศ พร้อมมองว่า กรณีที่กำนัน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ออกมาต่อต้านการเดินทางของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นความพยายามของรัฐบาลในการจัดฉากใส่ร้ายพันธมิตรฯ
โดยนายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ทีมกฎหมายของพันธมิตรฯ จะยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว แล้วฟ้องร้องดำเนินคดีคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ เนื่องจากการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ เรียกร้องให้รัฐบาลทำตามหน้าที่ ไม่เข้าองค์ประกอบที่จะประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคง ที่จะต้องเกิดเหตุการณ์ ซึ่งสร้างความเสียหาย มีผลกระทบต่อความมั่นคงก่อน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1171 ครั้ง