เฉลิม อัดผลงานรัฐบาลมาร์ค สอบตกทุกด้าน ย้ำทุจริตมโหฬารก่อหนี้สาธารณะ หวังใช้เงินทุจริตเอื้อเลือกตั้ง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ด้านเลขาฯปชป.บอกพรรคเพื่อไทย“สอบตกอภิปรายผลงานรัฐบาล ระบุถ้า “ปชป”. เป็น “ฝ่ายค้าน” ทำได้ดีกว่านี้
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณารายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ปีที่ 1 (วันที่ 30 ธ.ค. 2551 ถึงวันที่ 30 ธ.ค. 2552) ซึ่งการอภิปรายในช่วงบ่ายเป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากไม่มีสส.มาเข้าร่วมรับฟังการอภิปรายมากนักโดยเป็นการสลับกันอภิปรายระหว่างสส.ฝ่ายค้านและรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 14.00น.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง ประธานสส.พรรคเพื่อไทยได้ลุกขึ้นอภิปรายผลงานรัฐบาล โดยระบุว่า รายงานของรัฐบาลของไม่มีการรายงานถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง การบริหารราชการของรัฐบาลยืนยันว่าสอบตกในทุกด้านไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคมและคุณชีวิต ความมั่นคงแห่งรัฐพาประเทศเข้าสู่กลียุค การต่างประเทศ การส่งเสริมประชาธิปไตย สะท้อนได้จากผลการสำรวของกรุงเทพโพลพบว่าคะแนนเฉลี่ยรัฐบาลเหลือ 3.87 จากคะแนนเต็ม 10 เช่นเดียวกับสวนดุสิตโพลได้ 4.74 คะแนนจาก 10 คะแนน ทั้งหมดนี้เป็นชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลสอบตก
“การจัดทำงบประมาณพบว่าเป็นการใช้แบบเบี้ยหัวแตกไม่มีการตั้งโครงการเอาไว้ รัฐบาลเน้นการสร้างหนี้ภาครัฐทำให้ประชาชนยากจนลง สร้างให้ประชาชนหวังพึ่งรัฐบาลมากกว่าให้ประชาชนเข้มแข็งด้วยตัวเองที่สุดแล้วสร้างหนี้สาธารณะ 1.1ล้านล้านบาทภายในเวลา 2 ปีกำลังนำพาเศรษฐกิจชาติล้มละลายประกอบกับมีปัจจัยจากการทุจริตคอรัปชั่นหักเปอร์เซ็นต์จำนวนมาก สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ หากปล่อยให้เป็นแบนี้ต่อไปเศรษฐกิจภาคการผลิตจะเดินหน้าไม่ได้ ประชาชนจะขาดรายได้ซึ่งมีผลต่อการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลในอนาคต” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ประธานสส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การทุจริตเป็นปัญหาร้ายแรงที่สุดของรัฐบาลชุดนี้เพราะมีผลสำรวจขององค์กรหลายแห่งว่ามีการทุจริตมากที่สุด โดยสาเหตุที่เกิดเป็นเพราะช่วงนี้ใกล้กับการเลือกตั้งมีความจำเป็นที่ทำให้ลูกน้องต้องเร่งหาเงินให้เจ้านายใช้ในการเลือกตั้ง จึงไม่แปลกที่ในทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่มีการจัดซื้อจัดจ้างจะมีการเรียกรับผลประโยชน์เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนยังเชื่อโดยสุจริตว่าท่านนายกฯอภิสิทธิ์ไม่ได้ทุจริตคอรัปชั่นแต่คนรอบข้างไม่แน่
“นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่ได้ผลตามที่คาดการณ์เอาไว้ไม่ต่างอะไรกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำและการซื้อเสียงล่วงหน้าไปในตัว เช่น โครงการเช็คช่วยชาติ 2 พันบาทจำนวนเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท มีเพียง 9 ล้านคนที่ได้รับประโยชน์ส่วนที่เหลือไม่ได้รับและมีการจ่ายเงินเพียงรอบเดียว เช่นเดียวกับโครงการเบี้ยกตัญญูก็ไม่ต่างกันเพราะไม่มีการกำหนดเงื่อนไขในการให้ทำให้มีข้าราชการบำนาญหรือประชาชนในภาคส่วนอื่นๆที่ไม่ได้เดือดร้อนทางด้านการเงินได้ประโยชน์ ทั้งๆที่คนที่เดือดร้อนมีจำนวนมากกว่า” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นอกจากนี้ รัฐบาลยังสอบตกในแก้ไขปัญหายาเสพติดปล่อยให้มีการซื้อขายกันมากขึ้น นอกจากจะไม่ได้แก้ไขแล้วยังกลับมีการกล่าวหาว่านโยบายการทำสงครามกับยาเสพติดในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นการฆ่าตัดตอน ทั้งที่ยังไม่มีการพิสูจน์ได้ว่าเป็นลักษณะดังกล่าวหมดหรือไม่ บางกรณีมีการตรวจสอบในสมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ แล้วว่าเป็นการฆ่ากันเองของผู้ค้ายาเสพติด เท่ากับว่าการกล่าวหาแบบนี้ของรัฐบาลเหมือนเป็นการเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น
“การแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพงก็ทำไม่ถูกทางปล่อยให้มีการแสวงหาประโยชน์และแต่งตั้งคนไม่ถูกกับงานเช่นการไปแต่งตั้งรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงไปเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ไม่ต่างอะไรกับกระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่ถูกต้องโดยเฉพาะการประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548มาใช้กับการควบคุมการชุมนุมของประชาชนในกรุงเทพทั้งๆที่กฎหมายดังกล่าวร่างขึ้นมาเพื่อใช้กับการควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ล่วงอีกวันหนึ่ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการอภิปรายผลงานของรัฐบาลเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมาซึ่งพรรคฝ่ายค้านระบุว่ารัฐบาลสอบตกในทุกเรื่อง ว่า ตนคิดว่าฝ่ายค้านสอบตกในการอภิปรายถ้าตนเป็นฝ่ายค้านตนจะทำได้ดีกว่านี้ เวลารัฐบาลเอาผลงานมาชี้แจงกับพี่น้องประชาชนรัฐบาลก็ได้อธิบายชัดเจนว่าได้ทำประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติได้อย่างไรได้บ้าง ทั้งเรื่องการศึกษา สาธารณสุข เศรษฐกิจ การยกระดับรายได้ของประชาชน
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า เวลาฝ่ายค้านลุกขึ้นมาอภิปรายก็พูดเรื่องที่ไม่ตรงกับประเด็นที่บรรจุไว้ในระเบียบวาระ คือ เรื่องผลงานรัฐบาลแต่กลับไปพูดแต่เรื่องสัญญาชาติของนายกรัฐมนตรี โดยพยายามพูดเพื่อที่จะลดความน่าเชื่อถือของนายกรัฐมนตรี แต่คิดว่าฟังดูแล้วไม่ได้ประโยชน์สำหรับประชาชน ที่จริงฝ่ายค้านควรต้องอภิปรายว่ารัฐบาลบริหารงานตามนโยบายผิดพลาดตรงไหนอย่างไร มีข้อเสนอแนะอะไร แต่ดูแล้วตั้งใจจะลดเครดิตความน่าเชื่อถือของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเป็นสำคัญมากกว่า
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1159 ครั้ง