“มาร์ค” ติงเสื้อแดงโห่ไล่ ไม่ควรมีแบบนี้ ถามทำแบบนี้ “ไม่อยากให้มีเลือกตั้งหรือเปล่า?” ‘เทือก’ ตอกพฤติกรรมหยาบคาย ขู่ถ้าบรรยากาศเป็นแบบนี้เลือกตั้งอาจล่าช้าออกไป จวก “ณัฐวุฒิ” ลง ส.ส.หวังได้เอกสิทธิ์คุ้มครองไม่ให้ถูกจำคุกในคดีก่อการร้าย ด้าน 7 หัวโจกเสื้อแดงแจ้นพบกรมคุ้มครองสิทธิ์ ทวงงบช่วยประกันเสื้อแดงจัดสรรอย่างไรบ้าง ลั่นขึ้นเวทีปราศรัยแน่ 12 มีนาคมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันจันทร์ถึงกรณีคนเสื้อแดงตามราวีว่า เป็นเรื่องที่กำลังจะให้มีการตรวจสอบ เพราะว่าจริงๆ แล้วอย่างบางเรื่อง ถ้าเป็นเรื่องของเจตนาเพียงเพื่อต้องการที่จะขัดขวางการทำงาน หรือขัดขวางการหาเสียง และโยงไปถึงว่าใครอยู่เบื้องหลังก็ต้องดำเนินการ เพราะเท่ากับว่าไม่เคารพในหลักการประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่ามีใครชักใยอยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องตรวจสอบ เพราะว่ากรณีแบบนี้คิดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ต้องเข้ามาดูด้วย ถ้าหากเป็นการดำเนินการของพรรคการเมือง และถูกขัดขวางจากพรรคการเมืองอื่นมันก็ผิด
ถามว่า เหตุการณ์แบบนี้คิดว่าเหมาะกับการเลือกตั้งแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมา 2-3 วันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรรุนแรง แต่ไม่ควรจะมี เป็นปัญหาเหมือนกันว่าไม่อยากให้มีการเลือกตั้งหรือเปล่า แต่คิดว่าบ้านเมืองต้องมุ่งหน้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง เพื่อเป็นจุดหนึ่งของการคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมือง
ต่อข้อถามว่า ที่ผ่านมาทางพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภามาโดยตลอด แต่ในภายหลังเงียบหายไป นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่พูด ตนก็ไม่ทราบว่าทำไมจุดยืนต่างๆ เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่ในที่สุดแล้วต้องเลือกตัดสินใจให้ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองที่ต้องเดินไปข้างหน้า
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่มีคนเสื้อแดงไปรังควานท่านนายกรัฐมนตรี พอท่านไปที่สวนจตุจักรก็ไปหาเรื่อง ไปที่งานศพที่ จ.ปทุมธานีก็ไปหาเรื่อง ไปโห่ไล่ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย
“มันเป็นพฤติกรรมที่หยาบคาบ เป็นการแสดงการคุกคาม นี่มันไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย กลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้รัฐบาลจัดให้มีการเลือกตั้งให้เร็ว รัฐบาลก็สนองตอบแล้ว นายกฯ ประกาศชัดเจนว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด และพรรคประชาธิปัตย์ก็แสดงออกให้เห็นว่ากำลังเตรียมตัวพร้อมที่จะลงสู่สนามเลือกตั้ง”
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า จากกรณีศาลอาญามีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว นปช.จำนวน 8 คน และทราบว่าจำเลยทั้ง 8 คนได้ให้ข่าวว่าจะเป็นแกนนำเข้าร่วมปราศรัยและชุมนุมเคลื่อนไหวกับกลุ่ม นปช.ในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ตนในฐานะผู้รับผิดชอบการสอบสวนคดีนี้ มีความกังวลว่าการที่แกนนำ นปช.จะร่วมปราศรัยกับกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. จะเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนเงื่อนไขของศาล
ดังนั้น หากพบว่ามีการกระทำใดๆ ในการเข้าร่วมชุมนุมกับ นปช. โดยมีพฤติการณ์อันเป็นการผิดเงื่อนไขของศาล หรือเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้ ก็จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวต่อไป จึงขอแจ้งเตือนและวิงวอนจำเลยทั้ง 8 คน ให้เคารพในคำสั่งศาล” นายธาริตกล่าว
ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ถนนแจ้งวัฒนะ 7 แกนนำ และ 1 แนวร่วม นปช.ที่ได้รับการประกันตัวจากศาลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ เพื่อเข้าพบนางนงภรณ์ รุ่งเพ็ชรวงค์ ผู้อำนวยการกองพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพ โดยขอให้ประกันตัวผู้ต้องขัง นปช.ที่เหลือ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวว่า พวกตนมาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการยื่นคำร้องขอประกันตัวให้ผู้ต้องขัง ในคดีที่เกิดจากการชุมนุมของกลุ่ม นปช.เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทราบว่าทางกรมฯ ดำเนินการจัดสรรงบประมาณ เพื่อใช้ในการยื่นเป็นหลักทรัพย์ประกันตัวให้กับกลุ่มผู้ต้องขังประมาณ 40-50 คน จึงอยากถามว่างบประมาณในส่วนนี้มีการจัดสรรอย่างไร รายชื่อผู้ต้องขังที่มีอยู่ในแผนงานมีใครบ้าง คดีใดบ้าง และทางกรมจะดำเนินการได้เมื่อไร อย่างไร ทั้งนี้เราไม่ได้มาขอให้ล้มคดี แต่คนที่ถูกขัง 9 เดือนกว่าแล้ว ควรจะได้รับการประกันตัวเพื่อออกมาต่อสู้คดี
นายณัฐวุฒิกล่าวถึงกรณีดีเอสไอจะคัดค้านการประกันตัว หากมีการปลุกระดมและร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงว่า คิดว่าเป็นเรื่องราวตามบทภาพยนตร์ที่เคยฉายซ้ำแล้วซ้ำอีกกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ โดยเที่ยวนี้ถึงเวลามาฉายกับตนบ้าง เพราะการชุมนุมยังไม่เกิดขึ้น พวกตนยังไม่ได้ทำอะไรที่ขัดกับเงื่อนไขของศาล
“พวกผมเข้าใจในเงื่อนไขที่ศาลกำหนดไว้ ไม่เคยคิดฝ่าฝืนหรือท้าทายเงื่อนไขเหล่านั้น แต่การชุมนุมโดยสงบเป็นสิทธิ์ที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ อย่าเอาคุกมาขู่พวกผม และอยากให้นายธาริตกับรัฐบาลเคารพสิทธิ์ของประชาชนด้วย” นายณัฐวุฒิกล่าว
เมื่อถามว่า จะไปร่วมชุมนุมและขึ้นเวทีปราศรัยกับกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 12 มี.ค.หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนจะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงแน่นอน ทั้งนี้ นายธาริตไม่ได้ฟังการปราศรัยของพวกตนมา 8-9 เดือน ก็น่าจะหาโอกาสมารับฟัง เผื่อจะได้มีความรู้เรื่องประชาธิปไตยมากขึ้น ถ้าหากมีความจำเป็นอาจจะหยิบยกชื่อนายธาริต เพื่อสร้างอารมณ์ขันในเวทีปราศรัยของกลุ่มเสื้อแดงด้วย
ศาลไม่ให้ประกันตัวแดงอุดรมือเผา
ที่ศาลจังหวัดอุดรธานี เมื่อเวลา 09.30 น. นางขนิษฐา รัฐกาญจน์ ทนายความของผู้ต้องหาคนเสื้อแดง 22 คน ที่ถูกควบคุมตัวในข้อกล่าวหาดำเนินคดีในข้อหาโฆษณาชักชวนให้กระทำผิดกฎหมาย, บุกรุกสถานที่ราชการโดยมีอาวุธ, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, วางเพลิงเผาสถานที่ราชการ และทำให้เสียทรัพย์อันเป็นสาธารณประโยชน์ และร่วมกันพยายามเผาที่ว่าการอำเภอเมืองอุดรธานี ได้ทำเอกสารยื่นขอประกันตัวคนเสื้อแดงทั้ง 22 คน โดยก่อนหน้านางขนิษฐาได้เข้าเยี่ยมคนเสื้อแดงทั้ง 22 คนในเรือนจำกลางอุดรธานี พร้อมญาติพี่น้อง ก่อนเดินทางมายื่นขอประกันตัวต่อศาล
นางขนิษฐา เปิดเผยหลังยื่นประกันตัวคนเสื้อแดงว่า การยื่นขอประกันตัว 22 คนเสื้อแดงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางอุดรธานีวันนี้ ซึ่งที่ผ่านมาตนก็เคยยื่นขออนุญาตให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราวมาก่อน แต่ศาลไม่อนุญาต โดยให้เหตุผลว่า เกรงจำเลยจะหลบหนี ซึ่งเราก็เข้าใจ เพราะว่ามันเป็นคดีอุกฉกรรจ์ โทษถึงขั้นประหารชีวิต แต่ตอนนี้เผอิญว่าศาลอาญาท่านเมตตาให้ 7 แกนนำ นปช.ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เหตุดังกล่าวเราจึงคิดว่ามีข้อเท็จจริงบางประการ ที่เราคิดว่าน่าจะเสนอต่อศาล เพื่อให้พิจารณาขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้ง
“เราคิดว่าคดีนี้มีความเชื่อมโยงกับคดีที่กรุงเทพฯกับของแกนนำ นปช.ทั้ง 7 คน จึงคิดว่าน่าจะได้รับความเมตตาจากศาล ให้ทำการไต่สวนคำร้อง โดยเราจะนำพยานหลักฐานจากศาลอาญา รวมถึงจากผู้ใหญ่ในพื้นที่ เพื่อให้ศาลท่านเห็นว่า เหตุการณ์ในอุดรธานี ขณะนี้สงบลงแล้ว และคนเสื้อแดงในอุดรธานี ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความยุ่งยากในการบริหารงานของคณะใด”
นางขนิษฐา กล่าวอีกว่า ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่ศาลท่านจะกรุณา โดยเราจะนำข้อเท็จจริงเสนอท่านให้มากที่สุด เพื่อให้ศาลท่านเห็นว่า จำเลยจะไม่หลบหนี และข้อเท็จจริงของคดีนี้ ที่ทำให้จำเลยต้องมารับโทษหรือมาเสียอิสรภาพตรงนี้ มันเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับคดีที่กรุงเทพฯ ซึ่งข้อมูลตรงนี้น่าจะทำให้ศาลท่านได้เมตตา รวมถึงขณะนี้ทางรัฐบาลและทา นปช.ที่มีความเห็นตรงกันในทางสมานฉันท์ ซึ่งน่าจะทำให้เราได้รับโอกาสด้วยในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาคดี
“การพิจารณาคดีอุดรธานี เป็นจังหวัดนำร่อง เป็นจังหวัดแรก ๆ ที่พิจารณาคดี และใกล้จะเสร็จแล้ว พยานโจทย์ก็สืบไปเยอะแล้ว เหลืออีกประมาณ 30 ปาก ที่ต้องสืบ รวมถึงพยานจำเลยอีก ที่นี่เราก็อยากจะขอความเมตตาจากท่านว่า ให้เราได้รับการปล่อยตัว เพื่อที่จะไปแสวงหาพยานมาต่อสู้คดี เนื่องจากทั้ง 22 คน ต่อสู้คดี ไม่มีใครรับสารภาพ เพราะทั้งหมดถูกจับในวันที่เกิดเหตุเท่านั้นเอง”
นางขนิษฐา กล่าวอีกว่า ในวันนี้ทั้ง 22 คน คงจะยังไม่ได้ออกมา คงต้องนัดวันที่ต้องมีการไต่สวน และทางอัยการคงต้องส่งเรื่องไปยังสำนักอัยการของ DSI เพื่อจะสอบถามความเห็นว่า จะคัดค้านการปล่อยตัวหรือไม่ ถ้าคัดค้านเขาจะต้องส่งเรื่องมาคัดค้าน และจะต้องนัดวันการไต่สวนอีกครั้ง เมื่อไต่สวนเสร็จคิดว่าน่าจะอีก 1-2 วัน จึงจะสามารถปลบ่อยตัวชั่วคราวได้ หากศาลท่านเมตตา ซึ่งเราเตรียมเงินสดไว้ 11 ล้านบาท ในการประกันตัวทั้ง 22 คน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศาลท่านจะให้ประกันตัวคนละเท่าไหร่
ต่อมาเวลา 13.30 น. ศาลจังหวัดอุดรธานีมีคำวินิจฉัยไม่รับคำร้อง ระบุว่า ศาลได้พิจารณาและมีความเห็นยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า พฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลย 22 คน ทุกคนมีโทษสถานหนัก เป็นเรื่องร้ายแรงมีผลกระทบต่อความมั่นคงประเทศชาติ ประกอบกับยังสืบพยานโจทก์ไม่แล้วเสร็จ หากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เกรงว่าทั้ง 22 คนจะหลบหนี
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1105 ครั้ง