นายกฯยันไร้ภาวะขาดแคลนน้ำตาลในประเทศ รับต้นทุนข้าวเพิ่ม ถกพรุ่งนี้ปรับสัดส่วนรับประกันราคา ส่งสัญญาณปรับเงินเดือนข้าราชการช่วงเม.ย.ชี้เอกชนควรขยับค่าแรงขั้นต่ำด้วยช่วยประชาชนสู้ของแพง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ว่า ถึงปัญหาสินค้าราคาแพงว่า เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นต้นทุน ซึ่งรัฐบาลพยายามเข้าไปบริหารจัดการอย่างเต็มที่ ส่วนปัญหาน้ำมันปาล์ม จากการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและคาดการณ์ผลผลิตที่จะออกปลายเดือนนี้ จะทำให้ภาวะขาดแคลนน้ำมันปาล์มคลี่คลายลง และประมาณปลายสัปดาห์นี้ น้ำมันปาล์มฝาสีชมพูจะออกสู่ตลาด ซึ่งไม่จำกัดปริมาณซื้อ จึงขอความร่วมมือประชาชน ไม่ควรกักตุนหรือซื้อไปขายต่อ เพราะจะมีความผิดตามกฎหมาย
ส่วนปัญหาการขาดแคลนน้ำตาลทราย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะไม่มีปัญหาขาดแคลนอย่างแน่นอน เพราะผลผลิตอ้อยและความหวาน เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน แต่ยังมีปัญหาการลักลอบนำน้ำตาล ไปขายประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากได้ราคาสูงกว่า ทางกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา
ภาพประกอขบข่าว
ส่วนการตรึงราคาดีเซล ที่รัฐบาลตรึงราคาจำหน่ายไม่ให้เกิด30บาท/ลิตร มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกองทุนน้ำมัน ปรากฏว่าเหลือเงินอยู่ประมาณ 7 พันล้านบาท ซึ่งหากน้อยกว่า1หมื่นล้านบาท จะมีการพิจารณาการปรับตรึงราคา แต่ปรากฎเงินที่เหลือในกองทุนกว่า7พันล้านบาทมีการหักเงินชดเชยตรึงราคาก๊าซหุงต้ม และการอุดหนุนภาคครัวเรือน ดังนั้น จะมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าจะคิดแบบไหน ในอัตราใด เพื่อต้องการลดความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ต้นทุนราคาสินค้าในตลาดโลกเพิ่มขึ้นตลอดเวลา แนวทางของรัฐบาลก็คือ ทำอย่างไรที่จะเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรชาวนาที่ปลูกข้าว ปรากฏว่าต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น หลังมีการรับประกันราคาข้าวก่อนหน้านี้ ไปตรวจสอบแล้วพบว่า ต้นทุนขึ้นไปจริง ดังนั้นจะต้องมีการปรับขึ้นราคารับประกันตามสัดส่วนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าววันพรุ่งนี้ อาจเพิ่มสัดส่วนจากเดิม25 กก.เป็น40กก.
“เม.ย.นี้จะมีการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ดังนั้น ค่าแรงขั้นต่ำของภาคเอกชนก็ควรจะขยับด้วย เพื่อให้ประชาชนสู้กับภาวะปัญหาข้าวของแพง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เวลา 10.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา ( สบ 10 ) นายวิชัย โภชนกิจ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พร้อมเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพาณิชย์ และเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.)มีการประชุมเกี่ยวกับปัญหาน้ำมันปาล์มขาดตลาดและขายเกินราคา ก่อนนำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจตลาดสดห้วยขวาง
พล.ต.อ.พงศพัศ ได้นำเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาห้วยขวาง 5 ที่ชั้นวางน้ำมันปาล์ม ซึ่งเหลือจำนวนน้อย มีป้ายราคาติดไว้ ราคา 47 บาท โดยพนักงาน กล่าวว่า สินค้าในสต๊อกหมดแล้วแต่จะมีนำมาส่งทุกวัน โดยไม่จำกัดจำนวนการซื้อ หลังจากนั้นได้ออกมาสอบถาม น.ส.นิภา ณ เจริญ อายุ 51 ปี แม่ค้าขายขนมฝักบัว ด้านหน้าร้านสะดวกซื้อ กล่าวว่า เมื่อหลายเดือนก่อนต้องแบกรับภาระราคาน้ำมันปาล์มที่สูงถึงขวดละ 80 บาท แต่ปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ขวดละ 47 บาท ตามร้านค้าทั่วไป อยากขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องคอยดูแลราคาน้ำมันไม่ให้สูงมากกว่านี้ เพราะหากน้ำมันปาล์มยังขาดตลาดและมีราคาแพง ตนคงต้องหยุดขายเพราะขาดทุน ต่อมาได้เข้าสำรวจตลาดสดห้วยขวาง โดยผู้ค้าส่วนใหญ่ได้นำน้ำมันปาล์มมาวางจำหน่ายบริเวณหน้าร้าน และติดป้ายราคาจำหน่ายต่อลิตร 47 บาท อย่างชัดเจน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ดูแลผู้บริโภคน้ำมันปาล์ม จากการสอบถามราคารับซื้อจากพ่อค้าคนกลางต้นทุนขวดละ 45 – 46 บาท จึงขอความร่วมมือร้านค้าให้จำหน่ายขวดละ 47 บาท นอกจากนี้ยังหาซื้อน้ำมันปาล์มได้ที่ร้านสะดวกซื้อทุกสาขาได้ในจำนวนมาก โดยหากมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันสามารถร้องเรียนมาที่ บก.ปคบ. สายด่วน 1135 ได้ตลอดเวลา
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1109 ครั้ง