ด้านนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์โดยแสดงความไม่เห็นด้วยที่นายกฯประกาศจะยุบสภาช่วงเดือน พ.ค. เพราะมองว่าสถานการณ์บ้านเมืองซึ่งมีปรากฏการณ์การชุมนุมยังไม่คลี่คลาย อีกทั้งยังไม่มีการแก้ไข ร่างพ.ร.บ.ประกอบรธน.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ตนไม่มีอำนาจที่จะไปกำหนดใดๆ ได้เพราะเป็นอำนาจของนายกฯ
“เมื่อวาน นายกฯได้โทรศัพท์มาหาผม ว่าจะยุบสภาสิ้นเดือน พ.ค. ผมจึงบอกไปว่า ไม่ไหวแล้วหรือ ทำไมไม่อยู่คลี่คลายสถานการณ์ก่อน ผมก็ได้แต่ให้กำลังใจท่านนายกฯ” นายบรรหาร กล่าว
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดวันยุบสภาในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.ว่า เป็นการส่งสัญญาณการเดินหน้าครั้งแรกของประเทศ ซึ่งมั่นใจว่าการประกาศวันยุบสภา จะทำให้ประเทศเดินหน้าเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย แทนที่ความขัดแย้งจะย้อนกลับอยู่บนท้องถนนอีก 2 ปีที่ผ่านมาทางพรรคประชาธิปัตย์ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาฟื้นฟูความเชื่อมั่น เริ่มกระบวนการปรองดองสมานฉันท์ให้กลับคืนสู่ประเทศอีกครั้ง เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง จะเป็นผู้กำหนดวิถีทางประชาธิปไตย และทิศทางของบ้านเมือง
“ ยืนยันว่าการเลือกตั้งจะเป็นการวางแนวทางครั้งสำคัญ ที่พรรคจะเดินหน้าแก้ไขเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ค่าครองชีพ ราคาสินค้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยจะเน้น 4 กรอบคือ 1. เร่งเพิ่มรายได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพิ่มราคาการประกันสินค้าเกษตร สมทบเบี้ยยังชีพผู้สูงอาชีพ 2. ลดภาระค่าใช้จ่ายในโครงการค่าไฟฟรี เรียนฟรี 15 ปี แก้หนี้นอกระบบให้ครบ 1 ล้านครอบครัว 3. แก้ไขปัญหายาเสพติด โดยตั้งกองกำลังพิเศษเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ และ 4. แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปฏิรูปที่ดิน จัดสรรที่ทำกิน สร้างสวดัสดิการ ขยายประกันสังคมให้ครบอบคลุม จัดทำโฉนดที่ดิน ทั้งนี้ เมื่อพรรคเพื่อไทยมีความชัดเจนแล้วว่า จะแนบชื่อนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรี ในการอภิปรายไม่ไว่วางใจ ก็จะทำให้ประชาชนมีทางเลือกที่ชัดเจนขึ้น ระหว่างนายมิ่งขวัญหรือนายอภิสิทธิ์” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า หลังนายกรัฐมนตรีพบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้สั่งการวิปรัฐบาลให้ประสานกับกกต. ในการนำร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.และร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองเข้าสู่สภาในสัปดาห์ถัดไปต่อจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยจะมีการกำหนดตารางเวลาคือ ให้กฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับเข้าสู่สภาฯ ในสัปดาห์ต่อจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และทางวิปรัฐบาลก็จะมีการประสานวุฒิสภาให้พิจารณาเป็นการเร่งด่วน เพื่อให้ทันตารางเวลาที่นายกฯ ได้ให้คำสั่งไว้ ซึ่งทางกกต.ยืนยันว่ามีการแก้ไขร่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงเชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหาในการพิจารณาของทั้งสองสภา และเชื่อว่ากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ น่าจะมีการประกาศราชกิจจานุเบกษา อย่างช้าปลายเดือนเม.ย.หรือต้นเดือนพ.ค. ซึ่งทันตามกำหนดของนายกฯ แน่นอน
“ ขณะที่ทุกฝ่ายพยายามให้การเลือกตั้งมีขึ้นตามที่นายกฯ ได้ประกาศไว้ อยากวิงวอนผู้ชุมนุมทุกฝ่ายได้ยุติบทบาท ส่วนข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมนั้น สามารถนำเสนอต่อพรรคที่ชอบได้อยู่แล้ว โดยกลุ่มเสื้อแดงก็เรียกร้องผ่านพรรคเพื่อไทย เพราะตอนนี้มีการทำงานเป็นกระบวนการร่วมกันอย่างชัดเจน ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็เสนอผ่านพรรคการเมืองใหม่ให้ทำเป็นนโยบาย เสนอต่อประชาชนเพื่อการตัดสินใจในการเลือกตั้งได้ ” นายธนากล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1240 ครั้ง