นายกฯอภิสิทธิ์ฯนำครม.ร่วมงานเผาศพแม่ถ้วน ขณะที่มีประชาชนมาจากทั่วสารทิศร่วมงานกว่า 50,000 คน
วันที่ 12 มีนาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ คุณแม่ถ้วน หลีกภัย วัย 99 ปี ปูชนียบุคคลสำคัญของจังหวัดตรัง ซึ่งเสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยโรคชรา ณ วัดควนวิเศษ ตำบลทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง โดยมี นายกิจ หลีกภัย นายกอบจ.ตรัง ลูกคนโต นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ลูกคนที่ 3 รวมทั้งบรรดาลูกๆ ทั้ง 9 คน ตลอดจนลูกเขย ลูกสะใภ้ และหลานๆ รวมไปถึงญาติพี่น้อง บุคคลใกล้ชิด และประชาชนทั่วทุกสารทิศ ประมาณ 50,000 คน เดินทางร่วมในพิธีท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นไปด้วยความโศกเศร้า
ทั้งนี้ ได้มีบุคคลสำคัญต่างๆ มาร่วมในพิธีกันเป็นจำนวนมาก เช่น พระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ วัดกะพังสุรินทร์ และเจ้าอาวาสจากวัดต่าง ๆ ในจังหวัดตรัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นายสาทิตย์ วงหนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง นางพรทิวา นาคาสัย รมว.พาณิชย์ คุณหญิงสุพัตตา มาศดิตถ์ ที่ปรึกษานายกฯ นายชินวร บุญญเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยผู้ว่าราชการทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ และนายกอบจ.ทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ร่วมงาน
สำหรับเมรุลอย แบบ 5 ยอด 5 ชั้นที่ใช้ประกอบพิธีพระราชทานเพลิงคุณแม่ถ้วน นั้น เป็นผลงานของกลุ่มออมทรัพย์วัดคูหาใน อ.รัตตภูมิ จ.สงขลา ภายใต้การประสานงานของ พล.ต.ต.สาคร ทองมุณี ผบก.ภ.จว.ตรัง โดยมีขนาดกว้าง 15 เมตร สูง 15 เมตร ซึ่งยอดตรงกลาง 1 ยอดนั้น ใช้เป็นที่ตั้งศพของคุณแม่ถ้วน อีก 4 ยอดบริวารที่เหลือซึ่งอยู่ใน 4 มุม 4 ทิศนั้น ก็ให้พระสงฆ์ขึ้นไปนั่งกระทำพิธีทางศาสนา มุมละ 4 รูป รวมจำนวน 16 รูป อันถือเป็นการสวดส่งวิญญาณให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งแบบของเมรุดังกล่าวนี้ ได้ประยุกต์และผสมผสานมาจากหนังสือทุ่งพระเมรุในงานพระราชพิธี ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ และถอดแบบมาจากการทำถวายรัชกาลที่ 5 ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพ ซึ่งเป็นแบบที่มีการใช้มาอย่างยาวนานแล้ว ตั้งแต่ก่อนสมัยรัตนโกสินทร์ แต่มีความแตกต่างตรงที่จะประยุกษ์ให้มีเอกลักษณ์เป็นลายไทยปักษ์ใต้
โดยก่อนหน้านี้ เมรุลอยดังกล่าวซึ่งสร้างขึ้นมาและใช้ครั้งแรก เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2553 ได้ถูกนำไปใช้ในงานพระราชทานเพลิงศพพระเถระชั้นผู้ใหญ่มาแล้ว 9 รูปและนำมาใช้ในงานคุณแม่ถ้วน เป็นศพที่ 10 และ เป็นศพแรกสำหรับฆราวาสหรือบุคคลทั่วไป ซึ่งนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยทางกลุ่มออมทรัพย์วัดคูหาใน คิดค่าเช่าเป็นเงิน 1.5 แสนบาท รวมกับค่าเดินทางเป็นเงินอีก 1 หมื่นบาท ซึ่งรวมทั้งเมรุลอย และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในบริเวณมลฑลพิธีด้วย รวมไปถึงเต้นท์ โต๊ะ เก้าอี้ แสงสว่าง และการผูกผ้าตามจุดต่างๆ ถือเป็นราคาที่ถูกกว่านำมาจากกรุงเทพฯ ถึง 1 แสนบาท เป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้แก่คณะเจ้าภาพในพื้นที่ภาคใต้
สำหรับผู้มาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพแม่ถ้วน จะได้รับหนังสือที่ระลึก ซึ่งเจ้าภาพจัดพมพ์ไว้ 10,000 เล่ม เป็นหนังสือพ็อคเก๊ตบุ๊ค มีบทความเรื่องบทบาทของสตรี และได้มีการหยิบยกเรื่องของแม่ถ้วนมาเป็นกรณีศึกษา นอกจากนั้น ยังมีการพิมพ์หนังสือรวมภาพวาดงานเขียนส่วนตัวของนายชวน หรือ Drawing ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการคัดสรรผลงานจากที่มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 1,000 ชิ้น เหลือเพียง 100 ภาพ เพื่อนำมาแจกให้แก่แขกผู้มีเกียรติ จำนวน 10,000 เล่มด้วย โดยภายในหนังสือจะมีภาพวาดที่เป็นประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า เช่น ภาพวาดของกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส และสมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสเปน ในสมัยที่นายชวนเป็นนายกฯสมัยที่ 1 และยังมีภาพวาดของรัฐมนตรี นักการเมือง และ ส.ส. ซึ่งนายชวน ได้วาดไว้ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วย อาทิ ภาพวาด นายสุเทพเป็นต้น
สำหรับหนังสือที่ใช้เป็นของที่ระลึกในงานศพครั้งนี้มีแจกไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องให้คูปองจดชื่อที่อยู่ไว้สำหรับคนที่ไม่ได้ และให้มารับอีกครั้งในภายหลัง ส่วนพิธีลอยอังคารกระดูกแม่ถ้วนทางครอบครัวจะต้องรอการพูดคุยหารือกันอีกครั้ง หลังพิธีพระราชทานเพลิงศพเสร็จสิ้นลงไปแล้ว แต่เบื้องต้นจะเก็บกระดูกของคุณแม่ถ้วน เอาไว้ที่บ้านพัก บนถนนวิเศษกุล ก่อน ขณะที่เงินที่ได้รับการจากทำบุญงานศพคุณแม่ถ้วน นั้น ทางครอบครัวหลีกภัย ก็ยังไม่ได้หารือกันว่าดำเนินการอย่างไรเช่นกัน แต่อาจจะนำไปสมทบกับกองทุนด้านการศึกษา ซึ่งคุณแม่ถ้วน เคยตั้งขึ้นเมื่อหลายปีก่อนในสมัยที่ยังเป็นแม่ค้า และขณะนี้ก็ยังมีเงินกองทุนไว้อยู่ในธนาคาร อีกประมาณ 1 ล้านบาทเศษ
ด้าน นายสุรบถ หรือปลื้ม กล่าวว่า เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่สำหรับครอบครัวหลีกภัย และรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องสูญเสียคุณย่าถ้วน ภายหลังจากคุณย่าถ้วนเสียชีวิตได้ไปบวชทดแทนพระคุณที่วัดบนดอยแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 6-9 มีนาคมที่ผ่านมา และลาสิกขาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2293 ครั้ง