เพื่อไทย เปิดแผล รัฐบาล ชี้ปล่อยทุจริตสลากการกุศลมูลค่า 13,900ล้านบาท แฉมือมืดใช้เอกสารปลอมหลอกศิริราชมูลนิธิ
วันที่ 16 มีนาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลที่แพงเกินจริงว่า ในโครงการออกสลากการกุศล 100,000 เล่ม หรือ 10 ล้านฉบับ รวมมูลค่า 13,900 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์นำรายได้ไปสนับสนุน การพัฒนาศิริราชมูลนิธิ มูลนิธิรามาธิบดี และมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ โดยกรณีมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ได้แสดงความจำนงให้ผู้พิการเป็นผู้จำหน่ายสลาก และมีหนังสือความจำนงว่าจะเป็นผู้ดำเนินการจำหน่ายเพื่อประโยชน์ของผู้พิการ
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ต่อมา 4 วันให้หลัง ทางสำนักงานสลากฯ ออกประกาศเกณฑ์การออกสลาก 1 แสนเล่ม (10 ล้านฉบับ) ในจำนวนดังกล่าว 60,000 เล่ม จัดสรรให้นิติบุคคล 3 ราย รายละ 20,000 เล่ม ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติที่มีนิติบุคคลได้รับโควตาต่อรายมากกว่า 10,000 ฉบับ ทั้งนี้มีคำครหาว่าผู้ได้เป็นญาติพี่น้องกับกลุ่มผู้จำหน่ายสลากรายใหญ่ที่สี่แยกคอกวัว เช่นเดียวกับกรณีของศิริราชมูลนิธิ ปรากฏว่ามีหนังสือปลอมที่มีเนื้อหาแปลกๆ ไปปรากฏภายในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
“จนศิริราชมูลนิธิต้องออกมาร้องเรียนและได้ส่งหนังสือกลับมาแจ้งกับสำนักงานสลากฯ มีเนื้อหาว่า ที่มาของเงินมูลนิธิต้องเป็นเงินบริสุทธิ์ ไม่ใช่ฟอกเงินหรือเป็นการทุจริตคอร์รัปชั่น ขอให้กองสลากดำเนินการอย่าให้มีความเสื่อมเสียตามที่มีข่าวการฮั้วประมูล สลากการกุศลและการปลอมลายมือ ทั้งนี้อย่าให้เกิดความเสื่อมเสียมายังมูลนิธิ ท่านรัฐมนตรีทำอะไร ท่านทำหนังสืออนุมัติเข้าครม.เอง ลงนามเองจะบอกว่าไม่รู้คงไม่ได้”นายจุลพันธ์ กล่าว
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดฉากชี้แจงฝ่านค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่สอง โดยกล่าวว่า กรณีเอสเอ็มเอส ชี้แจง ว่า ปปช.สรุปว่าไม่มีผลประโยชน์ตอบแทนหรือยกเว้ยนภาษีให้ บริษัท และเป็นการดำเนินการเพื่อในลักษณะการขอความร่วมมือจากภาครัฐไม่มีผลประโยชน์ต่อรมว.คลัง หรือ นายกรัฐมนตรี และไม่สามารถวินิจฉัย เรื่องกระทบสิทธิส่วนบุคคล สรุปว่าข้อกล่าวหานี้ไม่มีมูล
ทั้งนี้หน้าที่ของกระทรวงการคลัง คือการ 1.รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยมั่นคง หน่วยงานจัดอันดับความน่าถือเชื่อ ค่าเงินสะท้อนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ 2. การแก้ไขปัญหาความยากจน ต้องตั้งหน่วยงานในสำนักงานเศรษฐกิจจการคลังเพื่อดูแลเป็นครั้งแรก การปรับโครงสร้างภาษีทรัพย์สินและที่ดิน การจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ ช่วยคนที่อยู่นอกระบบให้เข้าสู่ระบบการออม และโครงการประชาวิวัฒน์เพื่อเพิ่มรายได้ให้คนยากจน และผู้มีอาชีพ อิสระ
นอกจากนี้ยังพบว่า 10ปีที่ผ่านมาการฟื้นตัวเศรษฐกิจตกอยู่ที่นายทุน ผู้ถือหุ้น บริษัที่จดทะเบียนกำไรขยายตัว 200% ขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำ คือกลุ่มคนยากจนไม่ได้รับผลตอบแทนในช่วง10ปีที่ผ่านมา
3. การใช้ทรัพยากรของประเทศภายใต้การกำกับดูแลของคลังอย่างคุ้มค่า เช่น การรวมที่ราชพัสดุ 1 ล้านไร่จัดสรรให้เกษตรกรได้เช่าในอัตราไร่ละ 20 บาทต่อปี การปรับปรุงประสิทธิภาพรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นคือกระทรวงการคลังมากขึ้น เช่น 2 ปีก่อนหุ้นการบินไทยอยู่ที่ 7 บาท มาวันนี้กระทรวงการคลังกับคมนาคม ปรับปรุงการบินไทยทำให้ราคาหุ้นอยู่ที่ 60 บาท หรือเพิ่มเป็น 1000 %
พร้อมกันนี้นายกรณ์ได้กล่าวชี้แจงข้อกล่าวหาฝ่ายค้าน 8 ข้อ ได้แก่
1.เรื่องหนี้สาธารณะ ซึ่งนายกฯ ได้ชี้แล้วว่าตัวเลขที่ใช้อยู่ไม่ถูกต้อง และการรัฐบาลอภิสิทธิ์กู้เงิน 1.49 ล้านล้านบาท ขอชี้แจงว่า เป็นการกู้เพื่อชดเชย การขาดดุลจากงบปี 2552 ด้วย อย่างไรก็ตามเห็นว่าปริมาณหนี้ยังไม่กระทบเสถียรภาพของเศรษฐกิจของประเทศและเชื่อว่าอาจต่ำกว่าสมัยรัฐบาลก่อน
ปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ที่ 41 % เมื่อเทียบกับรายได้ของประเทศ ขณะที่ภาระหนี้ต่องบประมาณปี 2553 อยู่ที่ระดับ 11.64% ปี 2554 อยู่ 9.54 % ถือว่าลดลงทุกปี และมั่นใจว่าการจัดสรรงบประมาณเพื่อดูแลหนี้สาธารณะยังดำเนินการได้อย่างดี สะท้อนจากการจัดสรรงบประมาณในปี 2554 เพื่อดูแลหนี้สาธารณะอยู่ที่ 9.14 % และปี 2555 อยู่ที่ 8.68 %
ตอนที่ประชาธิปัตย์เข้ามารับหน้าที่เป็นรัฐบาล รัฐบาลจำเป็นต้องกระตุ้นการซื้อ คนไทยตกงานสูงถึง 1 – 2 ล้านคน มีคนถูกปลดตำแหน่งเดือนละ 3-5 หมื่นคนในช่วงที่เข้ามาทำงานเป็นรัฐบาลใน 2 – 3 เดือนแรก
ที่ผ่านมารัฐบาลมีการตั้งบกลางปี 1 หมื่นล้านบาท เพื่อชดเชยน้ำท่วม ยังไม่เท่ากับเม็ดเงินที่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องจัดหาเพื่อการฟื้นฟูประเทศ คาดว่าต้องใช้เงิน 1.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนว่าเรื่องนี้่ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และเชื่อว่ารัฐบาลญี่ปุ่นอาจต้องใช้การกู้เงินเช่นกัน เช่นเดียวกับไทยเมื่้อ 2 ปีก่อนเรามีวิกฤต ก็ต้องกู้เงินมาเพื่อแก้วิกฤต
2. ขีดความสามารถในการแข่งขัน รัฐบาลได้ยกระดับความสามารถในการพัฒนาประเทศสะท้อนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมจากจีนไปมาเลเซีย ,แผนพัฒนาระบบน้ำมูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท จะมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยให้เกษตรกรได้เข้าถึงแหล่งน้่ำ เพื่อเพิ่มรายได้ในเกษตรกรรม , ระบบโทรคมนาคม ได้พยายามแก้สัญญาสัมปทานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่นการแก้กฎหมายประมูลคลื่น 3 จี การจัดสรรงบประมาณให้รัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการ 3 จี เพื่อยกระดับขีดความสามารรถในการแข่งขันของประเทศ
รวมถึงการยกขีดความสามารถผู้ประกอบการขนาดเล็ก การเพิ่มทุนให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ จากงบไทยเข้มแข็ง และการแก้ปัญหาหนี้เสียที่เกิดในสมัยรัฐบาลที่สูงกว่า 50 % และการเร่งขยายสินเชื่อจากสถาบันการเงินของรัฐในช่วงวิกฤตได้ถึง 1.3 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายที่ 6 แสนล้านบาท
3. เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและเงินเฟ้อ เชื่อว่าเงินบาทขณะนี้มีค่ามากขึ้น เพราะเงินบาทยิ่งอ่อนค่าเท่าไรเงินเฟ้อยิ่งสูงขึ้น สินค้านำเข้าแพง คนใช้เงินมากขึ้นในการซื้อสินค้า ขณะนี้เงินบาทแข่งค่า 10 % ยังไม่กระทบความสามารถผู้ส่งออก สะท้อนจากการส่งออกที่ขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์ และราคาน้ำมันไม่สูงอย่างที่คิด , การส่งสัญญาณเรื่องการสกัดเงินทุนไหลเข้า แต่ไม่ใช้ยาแรงเหมือนรัฐบาลก่อน แต่ใช้เรื่องจิตวิทยาในการดูแลเรื่องค่าเงินบาทซึ่งได้ผลทำให้ค่าบาทนิ่ง ถือว่าประสบความสำเร็จ
ส่วนเรื่องการปรับลดค่าเงินแบบเวียดนาม ทำให้คนเดือดร้อน ดูจากรัฐบาลปรับขึ้นค่าไฟ 15 % ขณะที่รัฐบาลไทยประกาศใช้ไฟฟรี 90 หน่วยต่อเดือน และใกล้ๆนี้เชื่อว่าเวียดนามอาจต้องกู้เงินจากกองทุนการเงงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ
สำหรับปัญหาเงินเฟ้อ การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้ประชาชน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนโยบายปีนบันไดลิง เชื่อว่าการเพิ่มค่าแรง 25 % จะไม่กระทบเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันจากภาคเอกชน
4.การแก้ไขปัญหาความยากจน ถือเป็นวัตถุประสงค์หลักของรัฐบาล ได้แก่ การจัดเบี้ยผู้สูงอายุเป็นครั้งแรก , การเรียนฟรี , การประกันรายได้ให้เกษตรกร จากตัวชี้วัดพบว่ารายได้เกษตรกรสูงขึ้น สะท้อนจากยอดขายมอเตอร์ไซด์ ภาษีมูลค่าเพิ่มในชนบทเพิ่มขึ้น ธ.ก.ส.รายงานว่าเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนบัญชีเงินฝากเพิ่มจาก 10 ล้านบัญชี เป็น 21 ล้านบัญชีเงินฝากเฉลี่ยต่อบัญชีในช่วง 2 ปี จาก 2.7 หมื่นบาท เป็น 3.3 หมื่นบาทต่อบัญชี
ขณะที่การแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างถาวร คือการสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินและที่ทำกิน โฉนดชุมชน ,โครงการขอคืนที่ราชพัสดุ 1 ล้านไร่ เพื่อจัดสรรให้ชาวบ้านอย่างน้อยปีละ 5 หมื่นไร่ , การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ช่วยลดภาระประชาชนจากที่เสียดอกเบี้ย 20 % เหลือ 1 % ช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้เดือนละ 4,000 ล้านบาท ให้กับประชาชน 5 แสนคน และเตรียมเปิดแก้หนี้นอกระบบรอบที่ 2 อีกเร็วๆ นี้ การผลักดันดครงการหมอหนี้ ให้อาสาสมัครหมู่บ้านสอนเรื่องบัญชีครัวเรือน และให้ออมสิน กับ ธ.ก.ส. จัดวงเงิน 8 หมื่นล้านบาท เพื่อให้หมอหนี้ที่ผ่านมาอบรมแล้วสามารถกู้เงินผ่านโครงการกองทุนหมู่บ้านได้ , การจัดตั้งธนาคารไปรษณีย์ วงเงินกู้ไม่เกิน 1 หมื่นบาทต่อคน , ภาษีทรัพย์สินและภาษีที่ดิน
5. การปฎิรูปด้านต่างประเทศ ชี้แจงว่ารัฐบาลนี้เดินหน้าข้อตกลงความร่วมมือริเริ่มเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้มีสำนักงานใหญ่ที่สิงค์โปร์ เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ ให้ความสำคัญของเอเซียในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลก เราอยู่ท่ามกลางอาเซียนที่จะรวมตลาดใน 4 ปีข้างหน้า
6. ปัญหาเรื่องคอรัปชั่น กองทุนน้ำมันที่ถังแตก ชี้แจงว่า ก่อนเข้ามาเป็นรัฐบาลกองทุนติดลบ 5,000 ล้านบาทเมื่อเข้ามาบริหารประเทศทำให้กองทุนมีเงิน 2.7 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับปัญหาน้ำมันแพงที่คาดว่าจะเกิดขึ้น รัฐบาลมองว่าการรักษาราคาดีเซลที่ 30 บาท เพื่อรักษาราคาน้ำมันทั่วไป
ทั้งนี้หากปรับภาษีน้ำมันดีเซลอาจกระเทือนเรื่องการใช้น้ำมันในอนาคต และปัญหาตะวันออกกลางยิ่งทำให้ราคาน้ำมันแพง ดังนั้นทางเลือกในการแก้ปัญหานี้มีไม่มากคือประชาชนรับภาระ หรือรัฐบาลรับภาระ และผลจากการดำเนินโครงการรับจำนำพืชผลทางการเกษตรของรัฐบาลก่อนทำให้รัฐบาลเป็นหนี้ธ.ก.ส. 1.6 แสนล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้า รัฐบาลต้องจัดสรรงบคืน ธ.ก.ส.
7.การตั้งงบประมาณ ชี้แจงว่า การจัดสรรงบท้องถิ่น เป็นนโยบายที่ได้รับการยอมจากท้องถิ่นที่จะทำหน้าที่ดูแลประชาชนในช่วงทที่งบประมาณมีไม่พอ ส่วนการจัดงบปี 2555 ได้โอนเม็ดเงิน 4 หมื่นล้านบาท จากเดิมเป็นภาระท้องถิ่นให้เป็นภาระต่องบประมาณโดยตรง ทำให้ท้องถิ่นมีเงินสดสามารถจัดการกับท้องถิ่นเองได้ถึง 4 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้กระทรวงการคลังมีแผนจัดทำงบสมดุล 5 ปี สะท้อนจากการขาดดุล 4.3 แสนล้านบาทในปี 2554 เหลือ 3.5 แสนล้านบาทในปี 2555
8. การทุจริตเรื่องการจัดสรรสลากการกุศล ชี้แจงว่า หน้าที่รัฐมนตรีมีการกำกับดูแลโดยทั่วไปตาม พ.ร.บ. สำนักงานสลาก คือการดูแลในเรื่องนโยบาย โดย รมว. คลัง เสนอ ครม. เพื่อจัดสรรการออกสลากการกุศลให้มูลนิธิได้ หลัง ครม เห็นชอบแล้วก็จะมอบหน้าที่ให้สำนักงานสลาก ฯ มีมูลนิธิมากมายเสนอขอเม็ดเงินมาที่กระทรวงการคลัง ซึ่งจะมีคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการช่วยเหลือคนพิการ ผู้ด้อยดอกาส และการสร้างโรงพยาบาล ซึ่งต่างจากการออกสลากในสมัยรัฐบาลก่อนที่มีการปรับเงื่อนไขนำไปสู่การทุจริตมากมาย
รัฐบาลนี้จะออกสลากการกุศลต้องเสนอโครงการ เช่น มูลนิธิศิริราชต้องการสร้างอาคารเท่าไร แต่ในอดีตการออกสลากการกุศลเป็นการออกลอย เหมือนการจัดสรรงบไว้ลอย ไม่มีหลักในการพิจารณาเรื่องการใช้เงิน มีข้อครหามากมายว่า อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลาก ควักเงินจ่าย , การออกสลากให้อดีตเลขานายกฯ และมีการโยกย้ายเงินออกไปก็มี ส่วนรัฐบาลนี้มีการกำหนดตารางการใช้เงิน
ส่วนการจัดสรรโควต้าให้นิติบุคคล ในส่วนนิติบุคคลขนาดใหญ่ 3 บริษัท ถือเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดสรรโควต้ามาหลายรัฐบาล ส่วนที่จัดสรรให้มาก เพราะทางสำนักงานสลาก ต้องการความชัดเจนเรื่องการโอนเม็ดเงินที่แน่นอน ต้องมีการวางเงินมัดจำ 50 % ของรายได้ทั้งหมดที่มูลนิธิจะได้รับจากรายได้ของการออกสลาก
ขณะที่รายย่อยมีปัญหาคือรายย่อยไม่นำไปขายเอง แต่มาขายคืนให้รายใหญ่เพื่อขอกินส่วนต่าง กลายเป็นปัญหา นอกจากนี้ยังมีรายย่อยที่ไม่มารับสลาก ทำให้เป็นปัญหาเรื่องการจัดสรรเงินส่งให้มูลนิธิ
สำหรับปัญหาสลากแพง รัฐบาลนี้ได้แก้ด้วยการออกสลากการกุศล ส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือมูลนิธิ และอีกส่วนหนึ่งคือต้องการเพิ่มปริมาณสลาก แต่ยังไม่ได้ทั้งหมด ทั้งนี้เกิดจากปัญหาการขายขาดสลาก ทำให้ผู้ที่ขายสลากไม่หมดต้องรับภาระเอง ซึ่งพบว่าทุกงวดจะมีสลาก 15 % ที่ขายไม่ได้ ดังนั้นผู้ที่รับสลากไปขายจึงต้องขายสลากเกินราคาเพื่อให้คุ้มต้นทุนสลากในส่วนที่เหลือ ขณะนี้จะพยายามแก้ปัญหาโดยการออกสลากออนไลน์ เพื่อให้ประชาชน ซื้อสลากโดยตรงจากรัฐบาล ซึ่งอาจต้องมีการแก้กฎหมายบางอย่าง และเรื่องการจ่ายรางวัลแบบผันแปร ซึ่งเดิมที่เรื่องการขายสลากออนไลน์บรรจุไว้ในโครงการประชาวิวัฒน์ แตาติดปัญหาเรื่องตู้ขายสลาก
“ผมยืนยันว่าเรื่องการแก้ไขปัญหาเกินราคาเป็นเรื่องที่ต้องการจะเดินหน้าแต่ขณะนี้ยังติดขัดเรื่องกฎหมายหลายตัวอยู่จึงต้องชะลอไปก่อน”นายกรณ์กล่าว
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ชี้แจงเรื่องการออกสลากการกุศลว่า การออกสลากของมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ ซึ่งทำเป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรก 600 ล้านบาทในปี 2551 สำหรับงวดใหม่ทางมูลนิธิให้มูลนิธิส่งเสริมสวัสดิการสังคมไทยทำเรื่องขอครม. เพื่อจัดสรรรายได้ต่อ มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์
ทั้งนี้มติครม. ให้สำนักงานสลากฯ เป็นจัดจำหน่ายทั้ง 3 โครงการรวมของมูลนิธิศิริราช แต่ทางมูลนิธิส่งเสริมสวัสดิการสังคม ยังต้องการดำเนินการออกสลากเอง ขณะที่มูลนิธมิราเคิลออฟไลฟ์ต้องการให้สำนักงานสลากจำหน่ายให้
ยืนยันว่าทางมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ต้องการให้สำนักงานสลากฯ จำหน่ายให้ หากผิดพลาดอะไรก็พร้อมรับผิดชอบ ส่วนเรื่องมูลนิธิศิริราช ที่คนยื่นเอกสารปลอม ขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้ดีเอสไอตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1272 ครั้ง