วันที่ 21 มีนาคม เว็บไซต์ของฝ่ายต่อต้านและสื่ออาหรับรายงาน คามิส กัดดาฟี่ หนึ่งในบุตรชายของพันเอกมูอัมมาร์กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ได้ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ในกรุงทริโปลี หลังถูกโจมตีจากตะวันตก
รายงานระบุว่า คามิส กัดดาฟี ได้รับบาดเจ็บเมื่อวันเสาร์ จากการที่นักบินของกองทัพอากาศลิเบีย ขับเครื่องบินรบชนบ้านของเขาใน บับ อัล-อาซิซิย่า ในกรุงทริโปลี ที่เขาและญาติ ๆ ใช้เป็นที่พำนัก ด้านเว็บไซท์ อาราเบียน บิสสิเนสส์ นิวส์ รายงานว่า นายคามิส เสียชีวิตเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากบาดแผลไหม้เกรียม แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวในลิเบีย
ทั้งนี้ นายคามิส เป็นผู้บัญชาการทหารของกองพลน้อยที่ได้ชื่อว่าเป็นกองทัพที่ติดอาวุธยุทโธปกรณ์ชั้นเยี่ยมที่สุดและทันสมัยที่สุด เขาจบการศึกษาจากสถาบันทหารในกรุงทริโปลี ได้รับปริญญาสาขาศิลปะและวิทยาการทางทหาร ก่อนจะไปจบการศึกษาที่สถาบันทหารฟรุนเซ่ ในมอสโคว์ และสถาบันทหารเจนเนอรัล สตาฟฟ์ ของรัสเซีย
เมื่อปีที่แล้ว นายคามิส ได้ศึกษาต่อปริญญาโทที่สถาบันธุรกิจ IE ในกรุงมาดริด แต่เขาถูกไล่ออกเมื่อเดือนมีนาคม ปีนี้ ฐานเกี่ยวข้องกับการโจมตีประชาชนของตนเอง
มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ได้ออกมากล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ของลิเบียภายหลังจากการถูกโจมตีเป้าหมายทางทหารหลายแห่งจากกองกำลังนานาชาติ โดยระบุว่า สงครามครั้งนี้เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนชาวลิเบีย และกลุ่มนาซีใหม่ พร้อมประกาศว่าศึกครั้งนี้จะต้องยืดเยื้อ
“พวกท่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกท่านไม่ใช่อารยะ แต่เป็นผู้ก่อการร้าย เป็นสัตว์ที่ทำร้ายประเทศอื่นที่ไม่เคยคิดต่อต้าน” กัดดาฟีกล่าว
อย่างไรก็ตาม การออกมาแถลงของกัดดาฟีในครั้งนี้ ได้แถลงออกมาแต่เสียง โดยไม่ปรากฎตัวให้เห็นผ่านสถานีโทรทัศน์ โดยคาดว่า ผู้นำลิเบียอาจกลัวว่าสหรัฐจะรู้เบาะแสว่ากำลังกบดานอยู่ที่ใด
ปลุกผู้สนับสนุนเดินขบวน
สื่อของทางการลิเบีย รายงานว่า พ.อ.กัดดาฟี ได้พบกับผู้สนับสนุนเพื่อกำหนดเรื่องการนัดเดินขบวนของผู้สนับสนุนหลายพันคนในเมืองเบนกาซี และการเดินขบวนมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะรวมชาวลิเบียเข้าไว้ด้วยกัน และทำลายแผนการของกองกำลังนานาชาติที่ต้องการแยกประเทศลิเบียและปล้นน้ำมัน
การเดินขบวนครั้งนี้จะใช้ชื่อว่า กรีนมาร์ช ซึ่งจะประกอบด้วยพลเรือนที่ไม่มีอาวุธและสมาชิกรัฐสภา แต่อาจมีกองกำลังติดอาวุธคอยนำขบวนเพื่อคุ้มกัน เพราะฝ่ายต่อต้านมีอาวุธเช่นกัน
รัฐบาลกัดดาฟีแถลงสตรี-เด็ก-ผู้นำศาสนาเสียชีวิตจากการถูกโจมตี
ด้านรัฐบาลลิเบียแถลงว่า ผลจากการโจมตีของกองกำลังนานาชาติได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นทั้งสตรี เด็ก และผู้นำศาสนาจำนวนมาก ขณะที่ สหรัฐไม่ยืนยันข่าวดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าไม่พบรายงานการสูญเสียของพลเรือน และที่ผ่านมากองกำลังนานาชาติได้ประกาศแล้วว่าจะพุ่งเป้าโจมตีเป้าหมายทางทหารของลิเบียเท่านั้น
ทั้งนี้ สหรัฐระบุว่า ฝ่ายกองกำลังของรัฐบาลลิเบียนั้นแทบจะไม่มีพลังต่อต้านการโจมตีจากกองกำลังนานาชาติเลย หลังจากที่วานนี้ (20มี.ค.) เครื่องบินรบของกองกำลังนานาชาติได้เปิดฉากโจมตีที่สนามบิน มิสราตา ซึ่งเป็นสนามบินที่ใช้สำหรับทางทหาร และพาณิชย์ ขณะเดียวกันเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-2 ก็เปิดฉากทิ้งระเบิดถล่มเป้าหมายทางทหารที่กระจายอยู่ตามสนามบิน
เลขาฯสันนิบาตอาหรับข้องใจการโจมตี
ด้าน อัมเร มุสซา เลขาธิการสันนิบาตชาติอาหรับ แถลงโดยแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อการโจมตีของกองกำลังนานาชาติ โดยกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในลิเบียนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ความตั้งใจที่จะกำหนดเขตห้ามบินขึ้นเพียงอย่างเดียว
“สิ่งที่เราต้องการคือการปกป้องพลเรือน และไม่โจมตีทำให้เกิดการสูญเสียของพลเรือนขึ้นอีก และหากต้องการปกป้องพลเรือนจริงก็จะต้องไม่มีปฏิบัติการทางทหาร”อัมเรกล่าว
อย่างไรก็ตามด้าน ฮิชาม ยูเซฟ ประธานเสนาธิการทหารของสันนิบาตอาหรับกล่าวว่า จุดยืนของสันนิบาตยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ที่จะสนับสนุนการบังคับใช้เขตห้ามบินเหนือลิเบีย
“ความมุ่งมั่นของเราก็คือการยุติการนองเลือดในลิเบีย และความสำเร็จตามความต้องการของประชาชนชาวลิเบีย” ยูเซกล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1181 ครั้ง