เครื่องบินรบ เอฟ-15อีของกองทัพสหรัฐตกใกล้เมืองเบงกาซีในลิเบียหลังร่วมปฏิบัติการโอดิสซี ดอว์น โฆษกกองทัพฯเผยสาเหตุตกมาจากเครื่องขัดข้อง ขณะที่นักบิน 2 คนปลอดภัย
วันที่ 22 มีนาคม เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เทเลกราฟของอังกฤษ รายงานว่า เครื่องบินรบ เอฟ-15อีของกองทัพสหรัฐได้เกิดเครื่องยนต์ขัดข้องและตกใกล้กับเมืองเบงกาซี ของลิเบีย ซึ่งเป็นเมืองที่กลุ่มต่อต้านพ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียยึดเป็นฐานที่มั่นระหว่างร่วมปฏิบัติการ โอดิสซี ดอว์น ในการทำลายเป้าหมายทางทหารของกองทัพฝ่ายกัดดาฟีเมื่อคืนที่ผ่านมา
วินซ์ ครอว์ลีย์ โฆษกศูนย์บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ประจำภูมิภาคแอฟริกา กล่าวยืนยันว่า เครื่องบินลำดังกล่าวไม่ได้ถูกยิงตก และนักบินทั้งสองได้ดีดตัวออกมาอย่างปลอดภัย โดย นักบิน 1 รายได้รับการช่วยเหลือโดยกองทัพสหรัฐ ขณะที่นักบินอีกราย อยู่ระหว่างการปฏิบัติการช่วยเหลือ
ขณะที่มีรายงานว่า นักบินคนดังกล่าวได้รับการช่วยเหลือแล้วจากกองกำลังของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล กัดดาฟี ซึ่งนักบินทั้งสองได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุเครื่องบินตกในครั้งนี้ นับเป็นการตกครั้งแรกของเครื่องบินจากกองกำลังนานาชาติที่เข้าปฏิบัติการในลิเบีย
ด้านมุสซา อิบราฮิม โฆษกรัฐบาลรัฐบาลลิเบียภายใต้การนำของพ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี ได้ออกมาปฏิเสธข่าวการเสียชีวิตของ คามิส กัดดาฟี บุตรชายคนที่ 6 ของผู้นำลิเบีย ที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่ออาหรับและเว็บไซต์ของฝ่ายต่อต้านกัดดาฟีวานนี้ (21มี.ค.) โดยยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
อย่างไรก็ตามสื่ออาหรับและเว็บไซต์ของฝ่ายต่อต้านกัดดาฟีได้รายงานว่า คามิส ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในกรุงตริโปลี ของลิเบีย หลังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุนักบินลิเบียขับเครื่องบินรบเข้าชนค่ายทหารแห่งหนึ่ง โดย เว็บไซต์อารเบียนบิสซิเนสนิวส์รายงานว่า คามิสได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกไฟคลอก และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ทั้งนี้มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง ได้อยู่ระหว่างตรวจสอบรายงานการเสียชีวิตของคามิสว่าเป็นความจริงหรือไม่ และตั้งข้อสังเกตว่า คามิสอาจถูกสังหารจากการโจมตีของกองกำลังนานาชาติที่เข้าถล่มเป้าหมายทางทหารใจกลางกรุงตริโปลีอย่างหนักหน่วงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่สถานการณ์การโจมตีของกองกำลังนานาชาติ ยังคงมีอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นคืนที่สาม โดยพุ่งเป้าในจุดที่มั่นทางทหารในกรุงตริโปลีเพื่อหวังทำลายกองกำลังทางอากาศและระบบขีปนาวุธของทางการลิเบีย นอกจากนี้มีรายงานว่ามีการโจมตีสนามบินในเมืองเซอร์ตี้และระบบเรดาร์ในฐานทัพอากาศสองแห่งของกองกำลังฝ่ายรัฐบาลในเมืองเบนกาซีด้วย
พล.อ. คาร์เตอร์ แฮม ผู้บัญชาการทหารของสหรัฐประจำภูมิภาค ระบุว่า ด้วยศักยภาพของกองกำลังนานาชาติ จะสามารถบังคับใช้เขตห้ามบินให้ครอบคลุมไปถึงเมืองเบรก้า มิสซูราต้า และกรุงตริโปลี นอกเหนือจากเมืองเบนกาซี โดยคาดว่าเขตห้ามบินจะครอบคลุมพื้นที่เกือบ 1,000 กม.
ที่ประเทศไทย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบเรื่องการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอต่อที่ประชุม ครม.เกี่ยวกับการที่ประเทศต้องดำเนินการตาม ข้อมติ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 1970 มีสาระสำคัญว่า ห้ามโอน ย้าย ถ่ายเท หรือขายอาวุธให้กับลิเบีย รวมถึงอายัดทรัพย์สินของบุคคลที่มีรายชื่อและห้ามบุคคลเหล่านั้นเดินทางมายังไทย และข้อมติ 1973 ที่ห้ามใช้น่านฟ้าของลิเบีย
นายกษิต ระบุว่า ในเรื่องนี้ไทยจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเป็นหลัก โดยจะทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชน หรือเอ็นจีโอ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ได้มีการทยอยแรงงานไทยออกนอกประเทศลิเบีย เราได้มีการประสานงานกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน เพื่อแสดงถึงความพร้อมให้ช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ได้เข้าถึงชาวลิเบีย ทั้งน้ำและอาหาร ส่วนท่าทีของไทย ซึ่งเราเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ต้องการให้ยุติสงครามกลางเมือง และดำเนินการตามข้อมติสหประชาชาติ เน้นไม่ให้เกิดความรุนแรง
ส่วนจะต้องนำเรื่องนี้ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาหรือไม่นั้น คงไม่ต้องเข้ารัฐสภา เป็นหลักการทั่วไป เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศค้าอาวุธ จึงไม่จำเป็นต้องข้องแวะเกี่ยวกับการห้ามค้าอาวุธ
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.ได้รับทราบมติคว่ำบาตรลิเบียแล้ว และได้ขอให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปวิเคราะห์ว่า การจะปฏิบัติตามมติยูเอ็นจะต้องทำอย่างไรบ้าง และให้เสนอกลับมาอีกครั้ง เพราะเป็นเรื่องครอบคลุมทั้งเรื่องอาวุธ ทรัพย์สิน และอะไรต่างๆ รวมถึงการเดินทางด้วย
“เราต้องระมัดระวังในท่าที ส่วนแรงงานไทยในลิเบียที่ยังเหลืออยู่นั้น ค้างอยู่ประมาณ 80 กว่าคน ซึ่งก่อนหน้านี้แสดงความจำนงที่จะอยู่ และเราพยายามติดต่ออยู่ตลอดเวลา ถ้าหากอยากกลับต้องอำนวยความสะดวกให้กลับมาได้ แต่ส่วนใหญ่ได้ออกมาจากลิเบียหมดแล้ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1901 ครั้ง