นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยระหว่างเดินทางมาเปิดงาน มะปรางมะยงชิด ที่ว่าการอำเภอ สากเหล็ก จังหวัดพิจิตรว่า เรื่องของข่าวการย้ายพรรค ของตนเองที่จะไปอยู่กับพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งอยู่พรรคชาติไทยพัฒนานานั้น เป็นช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง ข่าวที่ออกมาอย่างนี้ก็ไม่ไม่ใช่เฉพาะจังหวัดพิจิตรอย่างเดียวเกือบทุกพรรคการเมือง บางคนก็บอกว่าย้ายไปพรรคโน้นพรรคนี้ ตนเองคิดว่ามันเป็นเรื่องปรกติ ทุกอย่ายังไม่แน่นอน จนกว่านาย อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะมีการประกาศยุบสภา ฉะนั้นให้มีการประการยุบสภาก่อน อะไรคงชัดเจน
“ตนเองยอมรับว่า พลตรี เสธหนั่นซึ่ง เป็นคนพิจิตร และอยู่จังหวัดเดียว กัน ท่านอยากให้ ตนเอง และนาย ไพฑูย์ แก้วทองไป ไปอยู่รวมกัน ฉะนั้นก่อนหน้านี้ก็มีข่าวนี้ แต่วันนี้ยังยืนยันว่ายังอยู่พรรคเดิมอยู่ ยังไม่ได้ย้ายไปอย่พรรคไหน แต่ถ้ายุบสภาแล้วนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” นายประดิษฐ์ กล่าว
การที่นายกรัฐมนตรี ประกาศชัดเจนการยุบสภาในต้นเดือนพฤษภาคม นั้น ก็ดีเพราะทุกคนจะได้กลับเข้าพื้นที่ หาเสียงเลือกตั้งให้ประชาชนเลือก เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วเราก็มาดูว่าใครได้เสียงข้างมากที่จะจัดตั้งรัฐบาล เมื่อผลเลือกตั้งออกมาเป็นอย่างไรทุกคนก็ต้องยอมรับ ท่าน ผบทบ. ยังออกมาพูดเลยหากมีการเลือกตั้งก็ขอให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้ง ตนเองมองว่าบ้านเมืองวันนี้ได้เดินทางมาอยู่จุดที่ทุกคนอยากจะให้เป็น ให้เป็นระบอบประชาธิปไตย ให้ประชาชนเป็นตัดสินว่าจะเลือกใครวันนี้ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการดีที่สุด
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังการหารือคณะกรรมการบริหารพรรคและส.ส.สัดส่วนจากทุกภาค เพื่อช่วยเหลือผู้สมัครส.ส.ในระบบเขต ที่ห้องเอ็กคูลซีฟ บอร์ดรูม ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ โดยใช้เวลาหารือนานกว่า 1.30 ชั่วโมง ว่า ตนได้เรียกส.ส.สัดส่วนมาหารือเพื่อมอบหมายภารกิจ ให้ผู้ที่มีความสามารถจะเป็นพี่เลี้ยงให้กับผู้สมัครในระบบเขตเลือกตั้ง
อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ และนายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ เพราะพื้นที่ภาคอีสานพรรคไม่มีผู้สมัครและฐานเสียง อีกทั้งคู่แข่งขันมีฐานเสียงมากกว่า ดังนั้น จึงจำเป็นต้องส่งส.ส.พี่เลี้ยงลงไปช่วยดูแล ส่วนส.ส.สัดส่วนเดิมที่ดูแลพื้นที่ภาคอีสานอยู่แล้ว เช่น นายวิฑูรย์ นามบุตร ก็ยังให้ดูแลต่อไป โดยจัดให้ส.ส.อาวุโสที่มีประสบการณ์ช่วยดูแลเป็นกลุ่มจังหวัด กลุ่มละ 4-5 จังหวัด ทั้งนี้ หมัดเด็ดที่จะใช้ในการหาเสียงยืนยันว่าไม่มี แต่จะใช้วิธีต่อยให้มากเดี่ยวก็ล้มลงเอง ส่วนการตั้งเป้าส.ส.ไว้ที่ 250 ที่นั่ง ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของทุกพรรคการเมือง แต่จะได้หรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ แต่ยืนยันว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ค่อนข้างมั่นใจว่าพรรคจะได้ส.ส.เพิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคกลาง อีสานและเหนือแน่นอน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้เพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะส่งผู้สมัครให้ครบ 375 เขตเลือกตั้ง
ขณะที่ นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ได้กำหนดให้ส.ส.สัดส่วนรับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ โดยเสนอรายชื่อผู้สมัครล็อตแรกพร้อมแผนการหาเสียงว่าจะทำอย่างไรบ้าง และนำเข้าสู่คณะอำนวยการการเลือกตั้งของพรรคที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นประธาน ภายในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการที่ปรึกษาพรรค เป็นประธาน สำหรับตนรับผิดชอบ 3 จังหวัดภาคอีสาน จะเสนอรายชื่อได้ก่อนวันที่ 8 เม.ย. โดยในส่วนของจังหวัดอุบลราชธานี 8 เขต ยโสธร 3 เขต จะส่งผู้สมัครทั้งหมด ส่วนจังหวัดร้อยเอ็ดที่มีส.ส.ได้ 8 คน เบื้องต้นจะเสนอรายชื่อผู้สมัคร 3-4 เขต โดยส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 904 ครั้ง