“ปานปรีย์” แจงแคนดิเดท นายกรัฐมนตรี ผ่านเว็บไซด์ ย้ำจุดยืนเดิม ขอเว้นวรรคการเมือง ไม่กลับมาช่วงนี้ อ้าง 5เหคุผลหลัก เชื่อยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ไม่ใช่คำตอบสู่สมานฉันท์
วันที่ 29 มี.ค.นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ชี้แจงผ่านเว็บไซต์ http://www.parnpree.com/ ถึงกรณีที่มีชื่อ ติดแคนดิเดท นายกรัฐมนตรี ว่า
“ข้อเท็จจริงคือ เวลานี้ผมไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดๆ ผมจึงไม่สามารถไปเป็นแคนดิเดทตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อย่างแน่นอนครับ ก็ต้องขอขอบคุณสำหรับท่านที่ให้การสนับสนุน ที่ผ่านมา ถึงแม้ผมจะหยุดงานการเมืองมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ผมก็ยังติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองอย่างใกล้ชิด ยังคงได้พบปะพูดคุยกับบุคคลสำคัญเกือบทุกพรรคการเมือง และผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมืองด้วยความเป็นห่วงเท่านั้นครับ ยังไม่มีการตัดสินใจจะเข้าไปทำงานในพรรคการเมืองใดๆ ถึงขั้นลงสมัครรับเลือกตั้ง
“ผมยอมรับว่ามีผู้ใหญ่หลายท่านให้ความกรุณา ชักชวนผมให้กลับมาทำงานการเมืองอยู่บ้าง แต่ผมก็อธิบาย ด้วยเหตุผลหลักๆ ของผมว่า
1. ผมยังไม่เห็นแนวโน้มว่า การเมืองจะดีขึ้น ถึงแม้รัฐบาลไปยุบสภาไปแล้ว และมีการเลือกตั้งใหม่
2. พรรคการเมืองยังคงจับเป็นขั้ว เพื่อเตรียมกลับมาเป็นรัฐบาลอย่างเดียว
3. ผมไม่เห็นความชัดเจนของพรรคการเมืองใด ฝ่ายการเมืองใด ที่จะประกาศออกมาชัดเจนและเชื่อถือได้ ว่าจะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองอย่างจริงจัง
4. ผมเห็นว่าการยุบสภา และการเลือกตั้ง ไม่ใช่คำตอบของการปรองดอง
5. เรื่องที่ประชาชนทั้งเหลืองและแดงเรียกร้องอยู่ ยังคาราคาซัง ไม่มีความตั้งใจจริงที่จะสร้างความเข้าใจ หาวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อแก้ไขปัญหานี้”
นายปานปรีย์ ยังย้ำว่า ที่ว่ามานี้ คือส่วนหนึ่งของเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ผมต้องเว้นวรรคการเมืองตัวเอง จนถึงเวลานี้ ผมยังคิดเช่นเดิมว่า ยังไม่ใช่เวลาที่จะกลับมาทำงานการเมืองในสภาวะที่เป็นอยู่นี้ แต่ในส่วนของการทำงานเพื่อสังคม ผมยังยินดีช่วยทำประโยชน์ อย่างที่ทำงานอยู่กับมูลนิธิ รวมทั้งงานด้านวิชาการ ที่บรรยายพิเศษในมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งยังคงเสนอแนวความคิดทางด้านต่างๆ ต่อสถานการณ์ในประเทศและนอกประเทศ ผ่านบทความ ในเว็บไซต์ ที่ผมทำมาประมาณ 5 ปีแล้ว
ทั้งนี้ นายปานปรีย์ ยังระบุว่า สำหรับสถานการณ์บ้านเมืองและการเมือง ผมเชื่อว่า ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ ต้องมาจากฝ่ายการเมืองก่อน เพราะการยุบสภา การเลือกตั้งใหม่ ไม่ใช่คำตอบของความสมานฉันท์ มีแต่จะทำให้ปัญหาการเมืองวนเวียนอยู่กับบรรยากาศความตึงเครียด แบบช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไม่เดินไปไหน เห็นได้ชัด คือยังไม่ทันยุบสภาก็ถกเถียงกันแล้วว่า ใครได้เสียงมาก ได้เสียงน้อยกว่า ก็มีสิทธิ์ตั้งรัฐบาล แทนที่จะคุยกัน ให้ประชาชนสบายใจว่า หลังเลือกตั้งครั้งนี้ เริ่มนับหนึ่งสู่ความปรองดอง ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่เห็นอนาคต แล้วไม่รู้ว่าผมจะเข้าไปช่วยอะไรได้ ก็ได้แต่ภาวนาต่อไป ขอให้บ้านเมืองของเรากลับมามีความสงบสุข คนไทยกลับมารักกันเหมือนเดิมครับ
ก่อนหน้านี้ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะเลือกนายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปว่า ขณะนี้มี 5 คนที่พรรคจะเลือกชูขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย , นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน , ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย , น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคนนอกอีก 1 คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายปานปรีย์เป็นคนนอกที่หมายถึงใช่หรือไม่ เพราะขณะนี้ทราบว่ากำลังตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอีกครั้งเพื่อเป็นตัวเลือกให้กับพรรค นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจน เพราะขณะนี้มีคนนอกที่ดี เด่น และดังหลายคนทยอยเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อสมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อจำนวนมาก
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประชุมพรรควันนี้มีส.ส.หลายคนรุกเร้าหาคนที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ซึ่งหากเป็นนายปานปรีย์จริงถือว่าเป็นผลดีต่อพรรค เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ และรูปหล่อกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังเคยทำงานเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยด้วย ผลงานเข้าตาพ.ต.ท.ทักษิณ และยังสามารถทำงานร่วมกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้อีกด้วย ดังนั้นเชื่อว่าหากพรรคตัดสินใจเลือกนายปานปรีย์จริงก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับพรรค ที่สำคัญ คือ ประชาชนยอมรับได้ในเรื่องความปรองดอง สมานฉันท์ และเก่งทางด้านเศรษฐกิจ
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวกับไอ.เอ็น.เอ็น. ผ่านเอ็มบีแชนแนล โดยยืนยันว่า ก่อนยุบสภา 5 วัน พรรคจะประกาศชื่อแคนดิเดตชิงเก้าอี้นายกฯ ส่วนกระแสข่าวว่า เป็น นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยอมรับ ขณะนี้ พรรคได้ข้อสรุปแล้วว่าเป็นใคร โดขอให้ ประชาชน อดใจรออีกสักพัก ยืนยัน สาเหตุที่ไม่เปิดเผยชื่อ ไม่ได้กลัวว่าจะโดนเตะตัดขา เพราะป้องกันไว้แล้ว แต่เป็นยุทธศาสตร์และเทคนิคของพรรค โดยให้พรรคอื่นประกาศ ลดแลกแจกแถมกันไปก่อน ส่วน นายปานปรีย์ นั้น ยอมรับว่าเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถ
นอกจากนี้ นายประชา ยังเชื่อว่า ท้ายที่สุดพรรคจะเป็นปึกแผ่น เพื่อกลับไปสูโหมดการเลือกตั้ง หลังมีความขัดแย้งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม นายประชา ปฏิเสธให้ความชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้คัดเลือกแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ โดยระบุว่า มีความคิดเห็นจากหลายส่วน โดยเฉพาะความรู้สึกของ ส.ส. ภายในพรรค รวมถึง ความคาดหวังของประชาชน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 946 ครั้ง