นครศรีธรรมราชยังวิกฤต แหลมตะลุมพุกเจอคลื่นสูงกว่า4เมตรซัดหมู่บ้านชาวประมงพังเสียหาย ขณะที่เส้นทางอ.ลานสกาถูกดินสไลด์ปิดเส้นทาง รัฐบาลสั่งเร่งอพยพออกจากพื้นที่
วันที่ 29 มีนาคม ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช ได้ส่งผลกระทบให้หลายพื้นที่มีน้ำท่วมมีระดับน้ำที่สูงขึ้นถนนถูกตัดขาดต้นไม้โค่นล้มขวางถนน เป็นอัมพาตทั่วทั้งเมือง ประชาชนหวาดผวาเหตุการณ์เฝ้าระวังชีวิตและทรัพย์สิน โดยเมื่อเวลา 06.30น. ได้เกิดเหตุดินสไลด์ที่บริเวณเขาธงม.6 ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างอ.ลานสกาและช้างกลาง มีก้อนดินขนาดใหญ่ 2 ก้อนสไลด์ลงมาปิดเส้นทางสัญจรทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเปิดเส้นทางอย่างเร่งด่วนแล้ว
ต่อมาในเวลา 07.30 น. ได้เกิดเหตุต้นไม้ขนาดใหญ่2ต้นซึ่งอยู่ในบริเวณหน้าวัดพระบรมธาตุได้หักโค่นลงมาปิดถนนราชดำเนินหน้าวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และยังมีเสาไฟฟ้า8ต้นหักลงมาทับอีกทอดหนึ่งซึ่งขณะเกิดเหตุการจราจรกำลงคับคั่งต้นไม้ได้ฟาดโดนชาวบ้านที่ขับรถผ่านมาได้รับบาดเจ็บสาหัส1คนทราบชื่อนาย สถิต ดำด้วงอายุ57ปีคนพื้นที่ต.ท่าเรือ อ.เมือง นครฯซึ่งขับขี่รถจักรย่านยนต์ผ่านมาพอดี
สำหรับบรรยากาศในอำเภอริมฝั่งทะเลไม่ว่าจะเป็น อ.ปากพนัง หัวไทร สิชลและขนอม ได้มีคลื่นลมแรงพัดกระหน่ำ โดยเฉพาะที่บ้านแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง นครฯคลื่นสูงกว่า4เมตรลมกระโชกแรงมากได้พัดกระหน่ำใส่หมู่บ้านชาวประมงจำนวน 300 หลังได้รับความเสียหาย ถนนหมู่บ้านถูกกัดเซาะจนขาด
ทั้งนี้นาย ประยุทธ์ ฐานะวัฒนา กำนันตำบลแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง กล่าวว่า เหตุการณ์คลื่นลมแรงหนักมากที่สุดในรอบ 51ปี ซึ่งชาวบ้านต่างก็หวาดผวากันมาก ที่ผ่านมาได้พยายามเรียกร้องในการขอที่อยู่ใหม่ในฝั่งตรงกันข้ามซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติเราขอไป50ไร่ในการสร้างหมู่บ้านใหม่แต่ก็ไม่มีการตอบรับในการช่วยเหลือ ชาวแหลมตะลุมพุกไม่ได้ออกเรือหาปลาเป็นเดือนได้รับความเดือดร้อนกันมากก็ไม่เห็นมีหน่วยงานใดให้การช่วยเหลือและดูแลเลย
ส่วนในเขตเทศบาลทุกชุมชนจมอยู่ใต้น้ำยังเหลือพื้นที่ที่ไม่ถูกน้ำท่วมประมาณ 30-40% โดยนาย สมนึก เกตุชาติ นายกเทศมนตรีระดมกำลังเจ้าหน้าที่มาจัดถุงยังชีพและระดมออกแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่สามารถออกจากบ้านได้
นายสาทิตย์ วงค์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานคณะอำนวยการกำกับและติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) กล่าวถึงกรณีเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ในช่วงนี้ และ กรมอุตุนิยมวิทยา น่าจะมีฝนตกชุกไปอีกอีก 5 วัน โดยพื้นที่น่าห่วงที่สุด คือบริเวณแหลมตะลุมพุก จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ทยอย อพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลากแล้ว รับน่าห่วงสถานการณ์อาจหนักกว่าปี2553 ที่ผ่านมา และอาจหนักเท่าปี2531 ที่เคยเกิดเหตุแหลมตะลุมพุกทั้งนี้การอพยพประชาชนได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดแยกแยะการช่วยเหลือเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.พื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม และเคยมีปัญหาดินถล่มให้อพยพประชาชนมาอยู่ในที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องรอดูสถานการณ์ 2.พื้นที่ลุ่มน้ำท่วมถึงให้จังหวัดประเมินว่า ปริมาณน้ำท่วมจะมากกว่าปี 2553 หรือไม่ จึงค่อยอพยพออกจากพื้นที่ 3.นักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวเกาะฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน ไม่ให้ออกไปท่องเที่ยวช่วงนี้ เนื่องจากสภาพทะเลมีปัญหาทั้งสองฝั่งขณะที่ วันพรุ่งนี้ (30มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางลงพื้นที่ไปเยี่ยมชาวบ้านที่จ.สุราษฎร์ โดยรัฐบาลตัดสินใจ ประกาศ ให้ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง สงขลา กระบี่ นครศรีธรรมราช พัทลุง รวม 7 จังหวัด 8 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบเหตุภัยพิบัติแล้ว เบื้องต้นอนุมัติงบประมาณ จำนวน 20 ล้าน จัดซื้อถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือประชาชน
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 30 มี.ค. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)จะส่งอุปกรณ์การช่วยเหลือประชาชน และอุปกรณ์ยังชีพ จากภาคกลางและ กทม. อาทิ แพยาง เรือติดเครื่องยนต์ เข้าไปในพื้นที่นอกจากนี้ คชอ.จะพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การให้เงินเยียวยา 5 พันบาท เพื่อช่วยประชาชนด้วย และวันที่ 31 มี.ค.รัฐบาลจะจัดงานขอบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยผ่านทาง ช่อง 9 อสมท.
น้ำท่วมถนนเพชรเกษฒช่วง อ.ไชยา รถเล็ก-6ล้อผ่านไม่ได้
ที่ จ.สุราษฎร์ธานี น้ำป่าจากเทือกเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ได้ไหลบ่าถึงพื้นที่ อ.ท่าชนะ โดยเข้าท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ ต.ประสงค์และ ต.คลองพา ผ่านข้ามทางรถไฟไหลท่วมในเขตชุมชนตลาดเทศบาล ต.ท่าชนะ ซึ่งเป็นแหล่งเศรษฐกิจของ อ.ท่าชนะ มีบ้านเรือนชาวบ้านถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ประมาณ 200 หลังเจ้าหน้าที่เทศบาลและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งอพยพชาวบ้านไปอยู่ยังที่ปลอดภัย นอกจากนี้มีพนักงานร้านสะดวกชื้อเซเว่นอีเลฟเว่นในตลาดท่าชนะ 11 คนติดอยู่ภายในร้านที่กำลังมีกระแสน้ำพัดแรง เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องฝ่าสายน้ำเข้าไปช่วยนำตัวออกมาได้ปลอดภัย
ทั้งนี้ ฝนได้ตกหนักอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันทั้งคืน ส่งผลให้ถนนทางหลวงสายเอเชีย 41 ตั้งแต่กิโลเมตรที่ 134 ไปจนถึงบริเวณสี่แยกไชยา ระยะทาง 5 ก.ม.มีน้ำท่วมสูงกว่า 50 ซ.ม.รถเล็กและรถบรรทุก 6 ล้อไม่สามารถผ่านได้ มีรถจอดเสียจำนวนมากจราจรติดขัดทั้งขาขึ้นและขาล่องมีสภาพเป็นอัมพาต รถบางคันถูกกระแสน้ำพัดตกข้างถนนทำให้การสัญจรถูกตัดขาดทั้งหมดในเวลาต่อมา นอกจากนี้มีน้ำท่วมรางรถไฟช่วงสถานีรถไฟไชยา สถานีเขาพนมแบก และสถานีท่าชนะ โดยกระแสน้ำได้พัดหินโรยทางรางรถไฟเสียหาย 30 เมตร
เขื่อนรัชชประภาหยุดปล่อยน้ำผลิตไฟฟ้าลดปริมาณน้ำในคลอง
ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ ผลพฤกษ์ ผู้อำนวยการเขื่อนรัชชประภา อ.บ้านตาขุน กล่าวว่า เขื่อนได้หยุดเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าและหยุดปล่อยน้ำออกจากเขื่อนมาตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค.ต่อไปไม่มีกำหนดเพื่อช่วยลดปริมาณน้ำในคลอง พุมดวง ซึ่งขณะนี้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนมีความสูง 84.4 เมตรและอ่างเก็บน้ำยังรับน้ำได้อีก 1,735 ล้าน ลบ.เมตร
ที่ อ.ไชยา น้ำเข้าท่วมถนนสายหน้าสถานีตำรวจไชยา และเรือนจำ อ.ไชยา สูง 60 ซ.ม.ส่วนการค้นหานายชำนาญ ไมอินทร์ อายุ 48 ปีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.ปากหมาก อ.ไชยา ที่พลัดตกสะพานข้ามคลองปากหมากถูกกระแสน้ำพัดหายไปขณะนำลูกบ้านซ่อมคอสะพานยังค้นหาไม่พบ
นายพัชรพล แสงจำนงค์ ผบ.เรือนจำ อ.ไชยา กล่าวว่า น้ำได้ไหลเข้าท่วมในตัวเรือนจำสูง 1 เมตร ท่วมอาคารเรือนนอนชั้น 1 ต้องย้ายผู้ต้องขัง 717 คน เป็นผู้ต้องขังหญิง 100 คน ขึ้นไปอยู่บนเรือนนอนชั้น 2 หากยังมีฝนตกหนักจะขออนุมัติอธิบดีกรมราชฑัณฑ์ เคลื่อนย้ายนักโทษทั้งหมดไปยังเรือนจำกลาง จ.สุราษฎร์ธานีต่อไป
รถไฟสายใต้ยังหยุดวิ่งไม่มีกำหนด
ด้านนายประเสริฐ รัตนพันธ์ นายสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้ประกาศหยุดเดินรถไฟไม่มีกำหนด เนื่องจากระดับน้ำในพื้นที่ อ.ไชยา และ อ.ท่าชนะ ยังเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ซึ่งผู้โดยสารติดค้างอยู่ที่สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี ได้ช่วยเหลือเดินทางโดยรถยนต์ ส่วนผู้ที่ต้องการเดินทางได้จ่ายเงินค่าตั๋วคืน
เกาะสมุยตัดไฟฟ้าทั้งเกาะ-ยกเลิก68เที่ยวบิน
ที่ อ.เกาะสมุย น้ำฝนจากภูเขาที่ไหลบ่าลงท่วมถนนสายรอบเกาะ(ทวีราษฎร์ภักดี) ทั้งที่ ต.บ่อผุด , แม่น้ำและ ต.มะเร็ต กระจายหลายแห่งรถสัญจรไปมายากลำบาก และ ถ.สายเลียบท่องเที่ยวหาดเฉวง ต.บ่อผุดและหาดละไม ต.มะเร็ต มีระดับน้ำท่วมขังสูงกว่า 1 เมตรระบายลงสู่ทะเลไม่ทัน เนื่องจากทะเลมีคลื่นจัดและน้ำหนุนสูง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ตัดจ่ายกระแสไฟฟ้ามาตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มี.ค.จนมีสภาพมืดเกือบทั้งเกาะทำให้ประชาชนและชาวต่างประเทศพากันแตกตื่นแห่ไปซื้ออาหารที่ห้างเทสโก้โลตัส , ห้างบิ๊กซีและห้างแมคโคร สาขาเกาะสมุยไว้กักตุนจนหมด เนื่องจากเรือนอนและรถบรรทุกสินค้าไม่สามารถข้ามฟากได้มากว่า 2 วันแล้ว
นอกจากนี้ ที่ท่าอากาศยานสมุย สายการบินบางกอกแอร์ ได้ประกาศหยุดเที่ยวบินเกาะสมุย-กรุงเทพฯ , เกาะสมุย – กระบี่ , ภูเก็ต , เชียงใหม่ , อู่ตะเภา , สิงคโปร์ , ฮ่องกง และสายการบินไทย เกาะสมุย-กรุงเทพฯ ไป-กลับทั้งหมด 68 เที่ยวบิน
นายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรีเมืองเกาะสมุย กล่าวว่า ได้ใช้เครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุดโดยเน้นจุดเสี่ยง 3 จุดที่ วัดหน้าพระลาน ต.แม่น้ำ , บ้านละไม ต.มะเร็ต และตลาดดาว ต.บ่อผุด
พบนักท่องเที่ยวติดเกาะอย่างน้อย 1,000คน
นายภานุ วรมิตร ผอ.ททท.สำนักงานสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้รับรายงานมีนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆบนเกาะที่ต้องการเดินทางออกจากเกาะอย่างน้อย 1,000 คน โดยที่เกาะสมุย มี 5-600 คน , ที่เกาะพะงัน 200 คนและที่เกาะเต่า 300 คน ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนนี้ไม่ได้จองตั๋วสายการบินบางกอกแอร์เวย์ จึงได้ประสานไปยังกองทัพเรือเพื่อนำเรือหลวงไปรับนักท่องเที่ยวทั้ง 3 เกาะให้มาขึ้นฝั่งที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี
ขณะที่ พล.ร.ท.วิฑูรย์ คัมภีระพันธ์ ผบ.ทัพเรือภาคที่ 2 กล่าวว่า ได้รับการประสานจากนายประยุทธ ทองนวล นายก อบต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน ว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งต้องการเดินทางออกจากเกาะเต่า แต่ประสบคลื่นลมแรงและเรือโดยสารหยุดมาตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.ทางกองทัพเรือจึงส่งเรือหลวงสุโขทัยไปรับ แต่ขณะนี้ไม่สามารถเข้าใกล้เกาะได้ เนื่องจากมีคลื่นลมแรงไม่สามารถปล่อยเรือเล็กลงไปรับนักท่องเที่ยวได้ หากพายุฝนลดลงจะเข้าไปช่วยรับออกมาได้
ด้านนายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ อ.ชัยบุรี , เวียงสระ ,บ้านนาเดิม และ อ.บ้านนาสาร ระวังระดับน้ำในแม่น้ำตาปีที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากอ่างเก็บน้ำคลองดินแดง ต.เขาพระ และอ่างเก็บน้ำกะทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ไม่สามารถรับปริมาณน้ำฝนได้ต้องปล่อยน้ำเฉลี่ย 85 ลบ.เมตรต่อวินาทีออกสู่แม่น้ำตาปี จะส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำตาปีเพิ่มขึ้นอีกโดยได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนบางส่วนแล้ว
“ประเมินความเสียหายพบมีสิ่งสาธารณูปโภคเสียหายเป็นจำนวนมากในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะสะพาน เนื่องจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก และมีพื้นที่การเกษตรเสียหายอีกจำนวนมาก คาดว่ามูลค่าเสียหายเบื้องต้นประมาณ 1,200 ล้านบาท ส่วนที่ อ.สมุย ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท” นายธีระยุทธ กล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1839 ครั้ง