เวลา 10.00 น.ที่โรงแรมสยามเคมเปนสกี แกนนำพรรครวมชาติพัฒนาและพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ร่วมกันแถลงข่าวทิศทางการเมืองร่วมกันของพรรครวมชาติพัฒนาและพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยมีแกนนำของพรรคเพื่อแผ่นดินอาทิ “กลุ่มสามพี” นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ นายพินิจ จารุสมบัติ ว่าที่ ร.ต.นายไพโรจน์ สุวรรณฉวี มาร่วมงาน ขณะที่แกนนำของพรรครวมชาติพัฒนา ที่มาร่วมงานประกอบด้วย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล และมี ส.ส. ของทั้ง 2 พรรคมาร่วมด้วยเช่นกัน โดยด้านหน้างานได้ติดชื่อพรรคใหม่ โดยใช้ชื่อว่าพรรค “ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” และมี โลโก้ เป็นรูปลูกศรชี้ไปทางขวา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ Forward และภายในเป็นสีธงชาติไทย นอกจากนี้ยังมีสโลแกน “รวมพลังเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน” โดยก่อนเริ่มงาน แกนนำได้หารือร่วมกันประมาณ 30 นาที ได้ข้อสรุปรวมทั้งสองพรรค ในนาม พรรค “รวมชาติเพื่อแผ่นดิน” โดยจะให้น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้น
ขณะที่นายประดิษฐ์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะไปร่วมงานกับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ได้กล่าวทีเล่นทีจริงกับผู้สื่อข่าวว่า ว่ายังเป็นเลขาธิการพรรครวมชาติพัฒนา หากไม่มาหัวหน้าคงไล่ออก เมื่อถามว่า จะเป็น เลขาฯพรรค “ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” หรือไม่ นายประดิษฐ์ ได้แต่ยิ้ม และไม่ตอบอะไร
นพ.วรรณรัตน์กล่าวว่า หลังจากแถลงร่วมกันแล้ว พรรครวมชาติพัฒนา จะจัดประชุมใหญ่เพื่อพิจารณาเปลี่ยนชื่อพรรคเป็น “ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” จากนั้นจะเสนอ กกต. ให้พิจารณาอนุมัติต่อไป ส่วนเรื่องโครงสร้างยังมีตนเป็นหัวหน้าพรรค ขณะที่สมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดินที่จะเข้ามาร่วมกันก็จะเป็นส่วนเติมเต็ม และขณะนี้ยังไม่สรุปว่าใครจะอยู่ใน ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับไหน
ด้านนายชาญชัยกล่าวว่า หลังจาก มี พ.ร.ฎ.ยุบสภา สมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน จะลาออกจากพรรคเพื่อไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน อย่างไรก็ตามจะมี ส.ส. ของพรรค ย้ายไปร้อยละ 99 ส่วนอีกร้อยละ 1 จะอยู่เพื่อรักษาความเป็นพรรคเพื่อแผ่นดินไว้
ขณะที่นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ให้สัมภาษณ์ ว่าตนยินดีที่สองพรรคร่วมงานการเมืองกันเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประเทศ และ เชื่อว่าทั้งสองพรรคต่างมีจุดเด่น เมื่อรวมกันแล้ว จะเป็นการสร้างกระแสใหม่ทางการเมือง ส่วนเรื่องการต่อรองทางการเมืองนั้น วันนี้เป็นเพียงภาคแรกต้องติดตามภาคสองต่อไป อย่างไรก็ตามก็ยอมรับว่าพื้นที่เป้าหมายหลักของสองพรรคอยู่ในภาคอีสาน
ภท.ชี้ไม่กระทบฐานเสียงโคราช
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรครวมชาติพัฒนาและพรรคเพื่อแผ่นดินจะควบรวมกันว่า คงไม่มีผลกระทบในพื้นที่เลือกตั้งจ.นครราชสีมา เพราะเดิมพรรครวมชาติพัฒนาและพรรคเพื่อแผ่นดินก็มีส.ส.ในนครราชสีมาเพียง 2 – 3 คน และเป็นคนละพื้นที่ไม่ทับซ้อนกัน การจับมือกันครั้งนี้คงไม่ใช่การรุม แต่เป็นเรื่องปกติของการเมือง ที่เมื่อมีการเลือกตั้งก็ต้องมีการย้ายพรรค รวมพรรค เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เฉพาะจ.นครราชสีมาเท่านั้น แต่หลายจังหวัดก็เป็นจึงไม่กระทบอะไรมาก พรรคภูมิใจไทย มีคนแสดงความจำนงจะมาร่วมทำงานด้วยมาก การเลือกตั้งครั้งหน้าก็มีการติดต่อมาจากส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคน รวมทั้งจ.นครราชสีมาก็มี แต่คงต้องรอยืนยันความชัดเจนอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าการประกาศว่าจะได้ส.ส.ในการเลือกตั้ง 70 คนนั้นจะเพิ่มจากพื้นที่ใดบ้าง นายบุญจง กล่าวว่า ปกติพรรคภูมิใจไทยมีส.ส.ทั้งของพรรคเอง และที่อยู่พรรคอื่นแต่แสดงความต้องการมาทำงานร่วมกับพรรคประมาณ 50 คนอยู่แล้ว และในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็จะได้เพิ่มอีกทั้งจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคเหนือ รวมทั้งจ.ชลบุรี ที่ทีมงานเตรียมพร้อมเต็มที่
ส่วนการประกาศชิงพื้นที่จ.ชลบุรีจากพรรคประชาธิปัตย์จะทำให้เกิดความขัดแย้งกันหรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการเลือกตั้ง ที่ต้องส่งผู้สมัครลงแข่งขันกัน พรรคภูมิใจไทยส่งลงเต็มพื้นที่ จากนั้นค่อยมาว่ากัน ทำอย่างนี้ยังดีกว่ามานั่งฮั้วกัน พื้นที่ของชาติไทยพัฒนาก็ต้องมีการส่งลงชนกันบ้าง กระทบกระทั่งกันบ้างแต่หลังเลือกตั้งแล้วก็จบ
ปชป.ชี้ไม่กระทบพรรค
นายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจะมีการยุบรวมพรรค เพียงแต่ได้ยินว่าจะมีการร่วมมือในการเลือกตั้งที่จะมาถึง แต่หากจะมีการรวมพรรคจริงก็สนับสนุน เพราะจะได้เป็นทางเลือกให้กับประชาชน
อย่างไรก็ตามยังไม่ชัดเจนว่าจะมีใครบ้างเพราะพรรคเพื่อแผ่นดินก็ไม่ชัดเจน เช่นพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตหัวหน้าพรรค ก็ไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่พรรครวมชาติพัฒนา อาทินายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค ก็ได้ยินว่าจะไปอยู่กับพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ หรือนางวรศุลี สุวรรณปริสุทธิ์ ส.ส.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 6 เม.ย.เจอเมื่อมาอวยพรวันเกิดพรรคประชาธิปัตย์ก็บอกว่ามากับพรรคภูมิใจไทยก็คงต้องรอดูความชัดเจนก่อนว่าพรรคนี้จะมีใครอยู่บ้าง เชื่อว่าจะไม่กระทบกับฐานเสียงของประชาธิปัตย์เชื่อว่าพรรคจะรักษาจำนวนส.ส.เท่าที่มีไว้ได้และจะมากขึ้นด้วย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1450 ครั้ง