โฆษกกระทรวงต่างประเทศเขมรแถลง วีระ-ราตรีต้องรับโทษ 2 ใน 3 ก่อนจึงจะมีคุณสมับิตได้รับการพิจารณาขอพระราชทานอภัยโทษ
นายกอย เกือง โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา แถลงว่า ได้แจ้งให้ทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญถึงกรณีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษนายวีระ สมความคิด กับนางราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ว่า ตามกฎหมายกัมพูชา นายวีระ และน.ส.ราตรี จะต้องรับโทษตามความผิดที่ก่อไว้อย่างน้อยสองในสามก่อน จึงจะมีคุณสมบัติได้รับการพิจารณาพระราชทานอภัยโทษ
โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ชี้แจงว่า คดีของนายวีระกับนางราตรี แตกต่างจากคดีของนายศิวลักษ์ โชติพงษ์ วิศวกรไทยที่ถูกจับกุมเมื่อเดือนพ.ย. 2552 และถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาจารกรรมหลังจากส่งมอบรายละเอียดเรื่องเที่ยวบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้แก่ทูตไทยในกรุงพนมเปญ โดยกัมพูชาได้ปล่อยตัวนายศิวลักษ์หลังถูกจับกุมเพียงไม่กี่วัน พร้อมระบุเหตุผลด้านมนุษยธรรม
ด้าน สำนักข่าวซินหัวรายงาน ว่า นายฮอ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชากล่าวว่า กฎหมายกัมพูชาบัญญัติไว้ว่าผู้ต้องโทษคดีอาญาจะต้องรับโทษจำคุก 2 ใน 3 ก่อนจึงจะได้รับการพิจารณาเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ ดังนั้นคนไทยทั้งสองคนจึงยังไม่มีคุณสมบัติ
ประวิตรเคลียร์เองประชุมจีบีซี
ด้านปัญหาการประชุมจีบีซีนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศต่อโทรศัพท์หารือถึงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ว่า นายกษิตโทรมาหารือถึงการประชุมเจบีซีว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งตนได้ให้นายกษิตดำเนินการในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศไป ส่วนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(จีบีซี)นั้นตนจะรับผิดชอบเอง
การดำเนินการทุกอย่างรัฐบาลจะทำไม่ให้ขัดต่อกฎหมาย ไม่ว่ารัฐธรรมนูญ กฎหมายภายในและพันธกรณีระหว่างประเทศ ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจเพราะไม่มีปัญหาอะไร นายกษิตทราบดีว่าจะต้องทำอย่างไร ส่วนจะให้ผู้สังเกตการณ์จากประเทศอินโดนีเซียเข้ามาในบริเวณข้อพิพาทหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ต้องถามกระทรวงการต่างประเทศเพราะเป็นผู้รับผิดชอบ
“ เรื่องจีบีซีผมรับผิดชอบเองและจะคุยกับกัมพูชาเมื่อถึงเวลา เพราะยังไงก็ต้องมีการประชุมเนื่องจากเป็นการประชุมเรื่องความปลอดภัยตามแนวชายแดน ซึ่งผมพูดตลอดว่าเราต้องพูดคุยกัน ต้องประชุมร่วมกัน 2 ประเทศพันธกรณีต่าง ๆ ระบุชัดเจนอยู่แล้วตามเอ็มโอยู ” พล.อ.ประวิตร กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่าพล.อ.ประยุทธ์เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ให้กองกำลังต่างชาติเข้ามา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตามหลักของกฎหมายกองกำลังต่างชาติไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงไม่มีแน่นอน แต่ตนยังไม่ได้คุยในเรื่องรายละเอียดทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย เราละเมิดกฎหมายไม่ได้ เรื่องนี้คิดว่าน่าจะจบแล้ว
เมื่อถามว่า นายกษิตจะไปคุยกับต่างประเทศเพื่อนำผู้สังเกตการณ์เข้ามา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามนายกษิต คิดว่านายกษิตรู้อยู่แล้วว่าควรจะทำอะไร คงไม่ทำเรื่องผิดกฎหมาย ส่วนรายละเอียดเรื่องกฎหมายตามมาตรา 190 ตนไม่ทราบ กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รับผิดชอบและจัดการเอง
พธม.ให้กรีฑาทัพ
นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการปกป้องราชอาณาจักรไทย แถลงเรียกร้องให้กองทัพแสดงแสนยานุภาพทางทหาร เพื่อปกป้องดินแดน ให้กัมพูชาได้สำนึกว่ารุกรานอธิปไตย โดยไม่ต้องเชื่อฟังคำสั่งรัฐบาลอีกต่อไป นอกจากนี้ การที่กองทัพแถลงข่าวว่าไม่เห็นด้วยที่จะประชุมกรรมาธิการร่วมชายแดนไทยกัมพูชา หรือจีบีซี ที่ประเทศอินโดนีเซียนั้น เป็นท่าทีที่ถูกต้อง แต่ถ้าหากแค่พูดและไม่ทำอะไรก็เท่ากับเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น
ต่อกรณีของ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ทางกัมพูชาระบุว่า ต้องติดคุกก่อน 1 ใน 3 จึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ เป็นการอ้างกฎหมายที่ไม่มีมาตรฐาน แตกต่างจากกรณีของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ซึ่งถือว่ารัฐบาลนายฮุนเซน ตบหน้ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ถามว่าจะรับผิดชอบอย่างไร ทั้งนี้คาดว่าสองคนจะได้รับการปล่อยตัวช่วงใกล้เลือกตั้งเพื่อช่วยเหลือพรรคเพื่อไทย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1040 ครั้ง