ปชป. อัดทักษิณกุมือที่มองไม่เห็นคุมเลือกตั้งท้าหาหลักฐาน เชื่อโหมโรงเปิดช่องไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง ซัดนปช. – เพื่อไทย ทำเพื่อคน ๆ เดียว หวั่นทักษิณ โฟนอินทำเม.ย.วุ่นวาย ยันคกก.ชุด คณิต พร้อมเยียวยาม็อบแดง
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์วารสารเดอะวอลล์สตรีท เจอร์นัล โดยพูดถึงการเลือกตั้งและการเมืองในประเทศ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามสร้างความเข้าใจที่ผิดต่อระบบประชาธิปไตย โดยอ้างถึงมือที่มองไม่เห็นจะกำหนดทิศทางในการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการอ้างเพื่อเตรียมไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากไม่เป็นไปตามที่กลุ่มตัวเองต้องการ สอดรับกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ ( นปช. ) และพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาสร้างความเชื่อจะมีการโกงเลือกตั้ง มีการทำบัตรเหลืองปลอม ดังนั้นขอยืนยันว่าการเลือกตั้งการให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้งจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองให้ระบบประชาธิปไตยเป็นทางออกให้กับความขัดแย้ง นอกจากนี้ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์จะประกาศนโยบายการนิรโทษกรรมให้กับคนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เจตนานี้เห็นชัดว่าเป็นการรวมถึงความผิดที่ พ.ต.ท.ทักษิณถูกศาลตัดสินจนถึงที่สุด เพื่อปูทางกลับมาประเทศไทยโดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อความผิดของตัวเอง ซึ่งนปช.และพรรคเพื่อไทยพร้อมจะทำเพื่อคนเพียงคนเดียว ทำให้แนวทางตอนนี้ชัดเจนว่าประชาชนจะเลือกแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ให้ประเทศเดินหน้า กับทิศทางให้บ้านเมืองกับไปเริ่มต้นใหม่ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประกาศไว้ ทั้งนี้พรรคกังวลว่าในวันพรุ่งนี้ หากพ.ต.ท.ทักษิณ ยังใช้วิธีการโฟนอินเหมือนทุกช่วงเดือนเม.ย.ตั้งแต่ปี 2552-2553 จะมีความวุ่นวายตามมา
“ มือที่มองไม่เห็นเป็นเรื่องไม่จริง เป็นการสร้างเรื่องเพื่อใส่ร้ายและเตรียมไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งของคุณทักษิณ พรรคเพื่อไทย และกลุ่มนปช. หากจะกล่าวหาควรจะยืนยันด้วยข้อพิสูจน์ พรรคจะไม่ยอมให้อำนาจใดที่ไม่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนมีส่วนกำหนดบ้านเมือง รวมถึงการตั้งรัฐบาล และเงื่อนไขในอดีตก็เป็นเรื่องของแต่ละช่วงที่มีเงื่อนไขและเหตุผลที่ต่างกัน ” นพ.บุรณัชย์ กล่าว
ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล ของสิงคโปร์ สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคฤหาสน์แวดล้อมด้วยสนามกอล์ฟที่ชานกรุงดูไบ ซึ่งเขาประกาศว่า หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง เป้าหมายเฉพาะหน้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และผลักดันให้นิรโทษกรรมแก่ทุกคนที่ถูกดำเนินคดีในความผิดที่เกี่ยวข้องกับการเมืองในช่วงเวลา 4 ปีอันวุ่นวายนับแต่กองทัพได้ขับเขาพ้นจากอำนาจ มาตรการที่เขาคิดไว้หากพรรคเพื่อไทยชนะ คือ ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งเก็บในอัตรา 30% นับว่าสูงกว่าเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ซึ่งเก็บ 25% จากผลกำไร และสิงคโปร์ซึ่งเก็บ 17% เขาเตือนว่าการเลือกตั้งอาจไม่สามารถแก้ปัญหาความแตกแยกทางการเมืองในไทยได้ และเขาได้แสดงความวิตกว่าอาจไม่มีการเลือกตั้ง และกองทัพกับคนที่เขาเรียกว่า “มือที่มองไม่เห็น” จะล้มการเลือกตั้ง หรือชักจูงบรรดาพรรคเล็กไม่ให้ร่วมกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลผสม
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1134 ครั้ง