นายอรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ นักข่าวสำนักข่าวเนชั่น ได้เขียนในทวิตเตอร์ @attayuth_nna ข้อความว่า “วันนี้เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ปฐมบทแห่งโศกนาฏกรรมทางการเมืองได้บังเกิดขึ้น แม้จะยังคลุมเครือแต่ต่างฝ่ายก็นำเรื่องราวมาหากินครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้เมื่อปีที่แล้ว ผมได้รับคำสั่งให้เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อเสริมกับเพื่อนอีกหนึ่งคนที่ปักหลักอยู่ตั้งแต่ช่วงบ่าย ผมเดินทางออกจากแยกราชประสงค์ ในเวลาประมาณ 5 โมงเย็นเส้นทางที่จะเข้าพื้นที่ได้เร็วที่สุดคือ นั่งเรือคลองแสนแสบมาขึ้นที่ท่าฝ่านฟ้า เมื่อมาถึงพื้นที่ ตามจุดต่างๆเริ่มมีการปะทะ ทหารใช้ ฮ.บินวนโปรยใบปลิว ขณะที่ผู้ชุมนุมยิงพลุเพื่อสกัดกั้นแล้วทหารก็ทำสิ่งไม่คาดฝัน โยนแก๊สน้ำตาลงมาจาก ฮ. แต่มวลชนก็สู้ด้วยการเอากระสอบชุบน้ำคลุมกระป๋องแก๊สน้ำตา ทำให้ใช้การไม่ได้”
” ผมจะเข้าพื้นที่เพื่อนำอุปกรณืป้องกันไปให้เพื่อนที่อยู่บริเวณแยกคอกวัว แต่ไม่สามารถไปข้างหน้าได้เพราะมีแนวปะทะอยู่โดยทั่วผมจำต้องอ้อมไปทางด้านหลังผ่านสะพานวันชาติ วัดบวรฯ จนเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าไปยังแยกคอกวัวภาพที่เห็นคือบริเวณนั้น เป็นแนวของทหาร มีรถจีเอ็มซี รถพยาบาล จอดรอเป็นหน่วยสนับสนุน แต่ด้านหน้า เป็นแนวทหารที่พยายามผลักดันกินพื้นที่กลิ่นแก๊สน้ำตาตลบอบอวลทั้งพื้นที่ มิใช่ผู้ชุมนุมเท่านั้นที่ได้รับผลของแก๊สน้ำตา ทหารก็ไม่ถือเป็นข้อยกเว้น เมื่อเกิดลมหวลบ่อยครั้งชาวบ้านบริเวณนั้น นำถังน้ำมาตั้งเพื่อให้ใช้ล้างหน้าล้างตัว ขณะที่ทหารที่ไม่บาดเจ็บหรือเหนื่อยก็เข้าไปทดแทนคนที่ต้องออกมาพักรักษาตัว”
“ผมติดอยู่หลังแนวทหาร ไม่สามารถฝ่าทะลุเข้าไปแนวปะทะได้ ผมเห็นทหารยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปเป็นระยะๆ ขณะที่แนวปะทะก็เริ่มจุดไฟสถานการณ์ตึงเครียดขึ้น ทหารยังกินพื้นที่ ไปเรื่อยๆ เสียงผู้บังคับบัญชาสั่ง “ช่วยกันเข้าไป อีกนิดเดียวจะยึดพื้นที่ได้แล้ว” สิ้นเสียง ทหารก็วิ่งเข้าไปเสริมที่แนวชั่วอึดใจ ผมได้ยินเสียงระเบิดลูกแรก ลงที่แนวทหาร ไม่มีใครรู้ว่าเป็นระเบิดชนิดไหน หรือมาจากทางไหน รู้แต่ว่า น่าจะมีผลกระทบอย่างมากที่ผมเห็นคือ ทหารแนวแรกที่บาดเจ็บเล็กน้อยได้รีบออกมา แถวต่อมาคือทหารช่วยกันประคองเพื่อนที่ออกมาเองไม่ไหวและที่เห็นต่อมาคือ ทหารลากร่างของเพื่อนที่ถูกระเบิดออกมา โดยนำร่างวางบนโล่ห์แล้วช่วยกันลากเลื่อดท่วมร่าง มีไม่ต่ำกว่าสิบที่อยู่ในสภาพเช่นนี้ระเบิด ไม่ได้ลงแค่ลูกเดียว แต่มาอีกหลายชุด ผมกระโดดเข้าไปหลบในตรอกบวรรังษีในซอยนั้นมีทหาร เข้ามาหลบหลายราย และกันชาวบ้านไม่ให้ออกไป ทันใดนั้น ระบิดลูกหนึ่งก็ลงหน้าปากซอย ห่างจากพื้นที่ที่หลบอยู่ราวสิบเมตร สะเก็ดระเบิดได้ถูกศรีษะชายผู้เคราะห์ร้าย แต่ออกไปรักษาพยาบาลไม่ได้ ทหารเริ่มล่าถอยเสียงกระสุนดังออกมาจากทั้งสองฝั่งผมเห็นทหารประทับปืนตรงยิงไปฝั่งผู้ชุมนุมขณะเดียวกันก็ได้มีกระสุนวิ่งจากฝั่งผู้ชุมนุมเช่นกัน
ผมติดอยู่ในตรอกออกไปไหนยังไม่ได้เพราะหากออกไปจากตรอกก็เท่ากับพาตัวไปอยู่กลางสมรภูมิบรรยากาศตึงเครียด ทหารเริ่มถอยแบบยุทธการ ยิงต้านเป็นระยะ”
นายอรรถยุทธ เล่าต่อว่า “ขณะนั้น เสียงระเบิดได้สงบลง แต่เสียงกระสุนยังระงม ผมรอจนกระสุนซาลง จึงวิ่งออกมาและหลบไปทางบางลำภูทหารถอยไม่เป็นกระบวน และตลอดทางหนี ผมต้องหลบเข้าตรอกเล้กๆอยู่บ่อยครั้ง ผมเห็นเสื้อแดงเริ่มวิ่งรุกไล่ ทหารหนีขึ้นจีเอ็มซี ถอนกำลังออกไปตรอกหนึ่งที่ผมเข้าไปหลบ ก็มีทหารตามเข้ามาพร้อมร้องขอชุดไปรเวทจากชาวบ้านอย่างน่าสงสาร โดยให้เหตุผลว่าออกไปทั้งเครื่องแบบเขาไม่รอดแน่ขณะนี้พื้นที่ที่ผมเคยอยู่เหตุการณ์ได้สงบลงอย่างสิ้นเชิง คนเสื้อแดงได้ยึดพื้นที่ที่ทหารอยู่คืนได้หมด แต่ร่องรอบกระสุนระเบิดกระจายเต็มพื้นที่
ผมเดินออกมานั่งพักบริเวณหอสมุดแห่งชาติ ด้วยอาการเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและหัวใจ เอน็จอนาถกับภาพที่เพิ่งเห็นผมพาตัวกลับมาที่แยกราชประสงค์ ด้วยความเหนื่อยล้า ดูเหมือนว่าจะมีบางคนสะใจและสมหวังกับความรุนแรงที่บังเกิดและหลังจากเหตุการณ์นั้น สังคมไทยต้องผจญกับความรุนแรงอีกหลายครั้ง จนกระทั่งมีโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในวันที่ 19 พ.ค.”
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1184 ครั้ง