โฆษกทบ. เผยปะทะไทย-กัมพูชา ล่าสุด เป็นจุดเดิม เหตุ กัมพูชา ละเมิดข้อตกลง สั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่แล้ว
วันที่ 23 เมษายน เวลา 06.00 น. เกิดการปะทะกันอีกระลอกระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ตลอดแนวชายแดนบริเวณปราสาทตาควาย บ้านไทยสันติสุข ต.บักได อ.พนมดงรัก และปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยเสียงปืนใหญ่ยังดังติดต่อกันเป็นระยะ
จ่าสิบตำรวจธวัชชัย รัตนสงคราม นายก อบต.ตาเมียง กล่าวว่า เสียงปืนดังตลอดแนวตามแนวชายแดน มีกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายกัมพูชาลอยมาตกลงบริเวณทุ่งนาทิศตะวันตกบ้านหนองคันนา เบื้องต้นไม่มีบ้านเรือน หรือทรัพย์สินทางราชการเสียหาย ชาวบ้านไม่ได้รับบาดเจ็บ และทหารฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้กันชาวบ้านบางส่วนที่มาดูแลทรัพย์สินตัวเองออกจากเขตพื้นที่อันตรายไปยังศูนย์อพยพโคกกลางแล้ว
ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เมื่อเวลา 06.00 น. เป็นต้นมา เกิดเหตุปะทะกันอีกครั้ง ระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่บริเวณจุดเดิม คือพื้นที่ใกล้ปราสาทตาควาย โดยทหารเริ่มโจมตีกันด้วยปืนเล็ก ก่อนที่จะระดมอาวุธหนัก เป็นเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 130 แต่มั่นใจว่าวิถีอาวุธจะไม่มาถึงจุดอพยพ โดยจุดอพยพยังปลอดภัยดี เนื่องจากอยู่นอกรัศมีทำการของอาวุธ ส่วนเรื่องกำลังพล ทหารไทยมีการเตรียมความพร้อมและเตรียมรับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
สาเหตุการปะทะในครั้งนี้ โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เป็นปัญหาเดิมๆ ที่กัมพูชาต้องการยั่วยุด้วยการยิงเข้ามาในจุดเริ่มต้น ตั้งแต่เมื่อวานนี้ เนื่องจากตามข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชาทั้ง 2 ประเทศ จะไม่ปรับแต่งพื้นที่ที่ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งกัมพูชาได้ทำผิดข้อตกลง สำหรับการปะทะกันในวันนี้ ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กำชับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และกองกำลังที่ดูแลรับผิดชอบว่า อย่าไว้วางใจ ให้ดูแลความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน ทั้งนี้ เหตุปะทะที่เกิดขึ้น เป็นลักษณะการยั่วยุ ด้วยการยิง อย่างไรก็ตาม ตามข้อตกลง ระหว่างสองฝ่าย จะไม่มีการดัดแปลงพื้นที่ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็นของฝ่ายใด แต่ฝ่ายไทย มักจะพบว่า ฝ่ายกัมพูชา มักจะละเมิดข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงต้องประท้วงกัมพูชาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าฝ่ายไทยไม่มีการแจ้งเตือน หรือ ประท้วง จะทำให้เป็นปัญหาลุกลาม กลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ เบื้องต้น ยังไม่มีรายงานความเสียหาย
ผบช.น.สั่งเข้ม!สถานทูตเขมร
พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงในพื้นที่ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ใน จ.สุรินทร์ ระหว่างทหารไทย และทหารกัมพูชา นั้น ทาง บช.น. ที่ดูแลสถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ได้สั่งการให้ทาง ผบก.น.4 ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ให้เพิ่มความเข้มข้นในการดูแลรักษาความปลอดภัย ทั้งสถานที่และบุคคลในสถานทูตแล้ว เนื่องจากอาจจะตกเป็นเป้าหมายของการสร้างสถานการณ์ได้ โดยทาง บก.น.4 มีแผนที่ดูแลสถานทูตกัมพูชา ไว้อยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดความขัดแย้งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในทางการข่าวขณะนี้ ยังไม่มีกลุ่มใดมาเคลื่อนไหวต่อต้านที่หน้าสถานทูต และไร้ข่าวการสร้างสถานการณ์ แต่ทางตำรวจก็ไม่ประมาท กำชับให้มีการดูแลเข้มข้นตลอด 24 ชั่วโมง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง
มทภ.2หวั่นปะทะซ้ำไม่อนุญาตให้ปชช.กลับบ้าน
พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า เหตุการณ์การปะทะกัน ระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา นั้น ขณะนี้ยังไม่อนุญาตให้ประชาชนในศูนย์อพยพเดินทางกลับเข้าบ้านเรือน โดยจะขอรอดูสถานการณ์อีก 1 วันก่อน เพราะเกรงว่า กัมพูชาจะยิงถล่มเข้ามาอีก หลังเปิดฉากยิงเข้ามาก่อน จนเป็นเหตุให้ทหารไทยเสียชีวิต 4 นาย และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งสถานการณ์ได้สงบลง เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ทั้งนี้ ยอมรับว่า ตนไม่ทราบสาเหตุการยิงปะทะกันครั้งนี้ เพราะฝ่ายกัมพูชา เป็นฝ่ายยิงเข้ามาก่อน และก่อนหน้านี้ก็ไม่มีรายงานความผิดปกติแต่อย่างใด แต่เชื่อว่า ทางกัมพูชา มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า เพราะหลังจากเหตุการณ์ปะทะกัน กัมพูชา ก็ได้ทำหนังสือฟ้องไปยัง UN อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ได้ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนเกิดความเสียหาย เหมือนกับเหตุการณ์บริเวณชายแดน ด้าน จ.ศรีสะเกษ แต่เพื่อความปลอดภัย จึงได้สั่งอพยพประชาชนไว้ก่อน
ด้าน นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ ด้าน จ.ศรีสะเกษ ยังปกติดีอยู่ โดยหลังเกิดเหตุยิงปะทะที่ จ.สุรินทร์ ทหารไทย และทหารกัมพูชา ด้านชายแดน จ.ศรีสะเกษ ได้นัดรับประทานอาหาร ประเมินสถานการณ์ร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน และไม่ได้มีการเสริมกำลังแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการไปยังนายอำเภอกันทรลักษ์ ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากเกิดเหตุปะทะกัน ก็ให้อพยพประชาชนตามแผนที่วางไว้ สำหรับทหารทั้งสองประเทศ หลังเกิดเหตุปะทะเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ก็ได้มีการประสานความสัมพันธ์กันจนเป็นปกติดีแล้ว มีการผลัดกันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1107 ครั้ง