วันที่ 25เม.ย. มีรายงานว่า ฝ่ายกัมพูชา ได้นำปืนใหญ่ ชนิด ค. 82 ประมาณ 3 กระบอกขึ้นไปตั้งไว้ที่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นปืนรุ่นเก่าสมัยการสู้รบกับเขมรแดงเมื่อหลายสิบปีก่อน โดยใช้ผ้าใบคลุมอำพรางไว้ แต่เชื่อว่า ไม่กล้าเปิดฉากปะทะกับฝ่ายไทยที่จุดนี้แน่นอน เนื่องจากเห็นศักยภาพกองทัพไทยแล้ว ตอนที่ปะทะครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 54 ที่ผ่านมา อาวุธยุทโธปกรณ์ฝ่ายเราก็ได้เปรียบสูง ซึ่งการปะทะกันครั้งล่าสุดนั้น ทางฝ่ายกัมพูชาสูญเสียทั้งกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ฝ่ายทหารมั่นใจว่าทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่เปิดศึกปะทะกับทหารไทยที่บริเวณเขาพระวิหาร เนื่องจากยังสังเกตเห็น ลูก และเมียทหารที่บริเวณปราสาทพระวิหารและบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาเรี๊ยะ อยู่ตามปกติ ซึ่งที่ผ่านมาหากจะมีการปะทะขึ้น พวกเขาจะอพยพลูกเมียทหารลงไปอยู่หมู่บ้านด้านล่างที่ปลอดภัยก่อนทุกครั้ง หรือไม่แน่ว่าที่ไม่อพยพลูกเมียทหารลงไป อาจจะใช้คนเหล่านั้นเป็นโล่ห์มนุษย์ สกัดไม่ให้ทหารไทยยิงเข้าไปบริเวณปราสาท หากมีการปะทะเกิดขึ้น
นพเหล่ปฏิเสธแม้วอยู่เขมร
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่าขณะเกิดเหตุการณ์การปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ประเทศกัมพูชาว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เพราะขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ตะวันออกกลาง ส่วนที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุวานนี้ว่าพ.ต.ท. ทักษิณ ตั้งกองกำลังเพื่อก่อความวุ่นวายในประเทศ นั้น นายนพดลกล่าวว่า อย่าเลอะเทอะ อย่ากล่าวหาโดยไม่เป็นความจริง
ส่วนที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ว่าการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้นนายนพดลกล่าวว่า ก็ดีที่ พล.ประวิตรตอบว่าไม่ทราบ แต่ว่าจะดีกว่านี้หากตอบว่าไม่มี
สื่อเขมรแฉกัมพูชายิงก่อน
เว็บไซท์ เคไอ มีเดีย ของกัมพูชา รายงานว่า นายกรัฐมนตรีฮุนเซน และพลโทฮุน มาเนต บุตรชาย ได้ละเมิดสัญญาสุภาพบุรุษว่าด้วยการสงบศึก ที่นำไปสู่การปะทะกันบริเวณชายแดนครั้งล่าสุดและสร้างความเสียหายให้กับทั้งกัมพูชาและไทย โดยทหารกัมพูชา ได้เปิดฉากยิงใส่ทหารไทย ที่กำลังเตือนไม่ให้พวกเขาเข้าไปสร้างที่มั่นและบังเกอร์ในพื้นที่พิพาท 400 เมตรทางตะวันตกของปราสาทตาควาย เมื่อเช้าวันศุกร์ อันเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ เมื่อปี2543 ที่ห้ามการดัดแปลงหรือก่อสร้างในบริเวณพื้นที่พิพาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งปลูกสร้างทางทหาร ในขณะที่ยังตกลงกันไม่ได้เรื่องเส้นแบ่งเขตแดน
ทั้งนี้ทหารไทย ได้คาดหวังว่า ทหารกัมพูชาจะเคารพต่อข้อตกลงว่าด้วยการหยุดยิง อันเป็นสัญญาสุภาพบุรุษ และความไว้เนื้อเชื่อใจได้นำไปสู่การสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บ จากการเปิดฉากยิงเข้าใส่อย่างไม่คาดฝันของฝ่ายกัมพูชา หลังจากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์บริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา มีแนวโน้มที่กลับคืนสู่ความสงบ หลังการทำข้อตกลงระหว่างพลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบกและพลโทฮุน มาเนต รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบของกัมพูชา ที่จังหวัดศรีสะเกษ
มีรายงานว่า ทหารไทยและกัมพูชา ค่อนจะข้างจะอยู่กันอย่างสงบในพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร บริเวณปราสาทพระวิหาร พวกเขาคุยกัน รับประทานอาหารด้วยกัน เล่นกีฬาด้วยกัน และยังเล่นสาดน้ำสงกรานต์กันอีกด้วย ด้วยเพราะฝ่ายไทยเชื่อใจว่า บุตรชายของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน จะเคารพข้อตกลงสงบศึก แต่แหล่งข่าวระบุว่า มีสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการปะทะกันครั้งล่าสุด จากการที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พลโทฮุน มาเนต ได้เดินทางไปยังจังหวัดพระวิหาร ส่วนพลเอกคุน คิม รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพกัมพูชา ได้เดินทางไปยังปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือน เพื่อตรวจเยี่ยมกำลังพล และปูนบำเหน็จให้ทหาร
ทั้งนี้ ทหารฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเพิ่งจะซ้อมรบไปเมื่อเดือนมีนาคมจนถึงสัปดาห์ที่แล้ว ยังได้เสริมกำลังพลแต่อ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบ ทั้งยังใช้อากาศยานไร้คนขับถ่ายภาพที่มั่นของทหารไทยและไทยก็ใช้อากาศยานแบบเดียวกัน ทำแบบเดียวกับกัมพูชา
โดยทางฝั่งไทยระบุว่า ทหารกัมพูชามักจะเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงโจมตีก่อน และเมื่อติดต่อไปยังผู้บัญชาการทหารของฝั่งกัมพูชา ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นคำสั่ง ซึ่งเชื่อว่า เป็นคำสั่งจากนายฮุน เซน ส่วนข่าวที่ว่า ทหารไทยถูกฝ่ายกัมพูชาจับตัวไปนั้น ไม่เป็นความจริง
“ชวรัตน์”ลงพื้นที่กำชับจนท. ดูแลประชาชนให้ทั่วถึง
ในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง เดินทางไป จ.สุรินทร์ เพื่อร่วมประชุมกับนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ว่าฯ จ.สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ รวมถึงนายอำเภอเขตพื้นที่ติดชายแดน และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุมศูนย์ช่วยเหลือช่วยผู้ประสบภัยจากเหตุปะทะบริเวณชายแดน นิคมสร้างตนเองปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่เหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา พร้อมมอบนโยบาย เยี่ยมเยียนและมอบถุงยังชีพแก่ราษฎรที่ประสบภัยจากการสู้รบด้วย
นายชวรัตน์ กล่าวว่า ตนเดินทางลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ เนื่องจากเหตุการณ์ปะทะกัน ตามแนวชายแดนบริเวณปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม จ สุรินทร์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และเน้นย้ำเรื่องสำคัญ เพื่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยของประชาชน ขอให้ผู้ว่าฯ และฝ่ายปกครองเร่งช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนให้ทั่วถึง อธิบายสร้างความเข้าใจและสร้างขวัญให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน อย่าให้หลงเชื่อข่าวลือ ทั้งนี้ ในจุดรองรับผู้อพยพ ดูแลเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรค ให้เพียงพอต่อความต้องการ รวมทั้งเฝ้าระวังทรัพย์สินของประชาชนในระหว่างอพยพออกจากบ้านเรือน
“ผมขอชื่นชมทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันทำงานอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครองทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และข้าราชการทุกคน แม้หากเหตุการณ์สงบลง ขอให้มีการซักซ้อมแผนพื้นที่ส่วนหลังอย่างสม่ำเสมอ หากเกิดกรณีฉุกเฉินหรือเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย จะได้สามารถสั่งการได้อย่างฉับไว และบริหารพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” รมว.มหาดไทย กล่าว
ขณะที่นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ถึงปัจจุบัน ว่า ส่งผลให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2 ตำบล 36 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลตาเมียง และตำบลบักได ทหารเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 25 ราย ทั้งนี้ได้อพยพราษฎรประมาณ 25, 942 คน ไปอาศัยที่จุดรองรับการอพยพ 22 จุด ได้แก่ จุดรองรับผู้อพยพอำเภอพนมดงรัก 3 จุด ผู้อพยพ 5 ,292 คน จุดรองรับผู้อพยพอำเภอกาบเชิง 4 จุด ผู้อพยพ 3,817 คน จุดรองรับผู้อพยพอำเภอปราสาท 13 จุด ผู้อพยพ 15 ,719 คน และจุดรองรับผู้อพยพอำเภอสังขละ 2 จุด ผู้อพยพ 1,114 คน
นายวิบูลย์กล่าวต่อว่า ปภ.ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 3 ปราจีนบุรี เขต 5 นครราชสีมา เขต 6 ขอนแก่น เขต 7 สกลนคร เขต 13 อุบลราชธานี สนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ โดยจัดเจ้าหน้าที่ จำนวน 34 นาย พร้อมรถผลิตน้ำดื่ม 4 คัน รถไฟฟ้าส่องสว่าง 5 คัน รถบรรทุกน้ำ14 คัน เต็นท์ 420 หลัง รถบรรทุกขนาดใหญ่ 2 คัน สุขาเคลื่อนที่ 60 หลังออกให้บริการประชาชนตามจุดรองรับการอพยพต่าง ๆ หากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1317 ครั้ง