ขัตติยา
วันที่ 26 เมษายน ความเคลื่อนไหวทางการเมืองยังดำเนินไปด้วยความคึกคัก โดยในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ยังมี 4 จังหวัดที่การจัดผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ลงตัว ประกอบไปด้วย 1.จ.ชลบุรี ซึ่งนายมานิตย์ ภาวสุทธิ์ ส.ส. เขต 1 จะย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย 2. จ.สิงห์บุรี นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.เขต 1 จะย้ายไปอยู่พรรคชาติไทยพัฒนา 3.จ.สระบุรี นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรณ ส.ส. เขต 2 จะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย 4.จ.สงขลา ที่มีกระแสข่าวว่าพรรคจะไม่ส่งนายนาราชา สุวิทย์ ส.ส.เขต 1 ลง เนื่องจากเห็นว่าบกพร่องต่อหน้าที่ และขาดการประชุมสภาฯ บ่อย
นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรณ ส.ส.สระบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นที่แน่นอนแล้วว่าตนได้ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในสิ้นเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งอาจจะเป็นวันที่ 29 เม.ย. ขณะที่นายองอาจ วงษ์ประยูร ส.ส.สระบุรี ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าอาจจะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยนั้น กล่าวว่า ไม่คิดย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยตามที่เป็นข่าว และยังทำงานอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยพร้อมจะลงสมัครในเขตพื้นที่เดิม
ทักษิณเล่นบทโหดเชือดไก่ให้ลิงดู
ส่วนความเคลื่อนไหวของเพื่อไทย หลังมีความเคลื่อนไหวจากส.ส.ในกลุ่มนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน จะแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่ ร่วมกับพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตประธานพรรคเพื่อไทย และนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯได้ตัดสินใจใช้มาตรการตัดไฟต้นลม และเชือดไก่ให้ลิงดู ลงโทษส.ส.ที่เป็นแกนนำเคลื่อนไหวด้วยการไม่ลงสมัครส.ส. ประกอบด้วยนายสุพล ฟองงาม ส.ส.อุบลราชธานี และนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน ล่าสุดแม้แต่การประชุมพรรคก็ยังไม่ส่งข้อความสั้นทางโทรศัพท์มือถือไปแจ้งด้วย ส่วนนายมิ่งขวัญนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังรอดูท่าทีจากเจ้าตัวว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
สำหรับกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้นัดหารือกับนายเสนาะ ถึงทิศทางการเมืองและการทำงานร่วมกันนั้น ล่าสุดต้องเลื่อนกำหนดการไปก่อน เพราะยังประสานงานไม่ลงตัว โดยขณะนี้นายเสนาะยังคงมีท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้กับ 2 ฝ่าย ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับกลุ่มของนายมิ่งขวัญ ที่ล่าสุดได้รวมตัวกันไปหารือกับนายเสนาะเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยนายมิ่งขวัญ ได้ปิดโทรศัพท์มือถือ โดยไม่มีใครสามารถติดต่อได้ทั้งผู้สื่อข่าว และส.ส.ด้วยกันเอง
คนใกล้ชิดยันมื่งขวัญยังอยู่
นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย คนใกล้ชิดนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กล่าวว่า ได้คุยกับนายมิ่งขวัญเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังยืนยันว่าจะไม่ไปไหน แต่ถ้านายมิ่งขวัญขยับอะไรก็เป็นเรื่องส่วนตัว ก็คงไม่มีใครไปด้วย ซึ่งการที่พวกตนสนับสนุนนายมิ่งขวัญขณะนั้น เพราะเห็นว่า เป็นตัวเลือกดีที่สุดในบรรดา ส.ส. 190 คนที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯ แต่ถ้ามีสถานการณ์ใหม่ มีคนนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง เราก็ไม่ยึดติด ก็ต้องมาคุยกันว่าเหมาะหรือไม่
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก สมาชิกพรรคเพื่อไทยคนใหม่ เหมาะจะเป็นนายกฯหรือไม่ นายสุรสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าพูดตามตรง หลายคนยังไม่รู้จักพล.ต.อ.ประชา ดังนั้น จึงต้องมาคุยกัน
ลูกเสธ.แดงเข้าเพื่อไทย
น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล หัวหน้าพรรคขัตติยะธรรม และบุตรสาว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง กล่าวว่า ไม่เกินสัปดาห์นี้จะได้คำตอบว่าจะสมัครเป็น ส.ส. พรรคเพื่อไทยหรือไม่ เนื่องจากมีผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยทาบทามมา ส่วนตัวเห็นว่า หากไปอยู่พรรคใหญ่จะทำงานช่วยประชาชนทั้งประเทศได้มากกว่า เพราะมีศักยภาพ ทั้งนี้ จะมาอยู่พรรคเพื่อไทยก็อาจะมาลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนพรรคขัตติยะธรรม ยังไม่จำเป็นต้องยุบ แต่ให้คนอื่นทำแทนได้
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์มาชักชวนหรือไม่ น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า เป็นความลับ ไม่ขอตอบ
ด้านว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย รองประธานภาคอีสาน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่น.ส.ขัตติยา เข้าร่วมพรรคเพื่อไทย โดยอาจได้ลงในบัญชีรายชื่อในลำดับที่ไม่เกิน 50 ที่คาดว่า จะได้เป็น ส.ส.แน่ๆ
แจ็คออกหนังสือหยุดก่อนจตุพร
นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “หยุดก่อน ส.ส.จตุพร พรหมพันธุ์ หยุดระบอบทักษิณ” พร้อมกับจุดเทียนไข 1 เล่ม ซึ่งนายวัชระ อ้างว่า เพื่อให้ ตาสว่าง ใจสว่าง จิตสว่าง และไม่ให้หลงงมงายกับระบอบทักษิณ ทั้งนี้นายวัชระ ยังกล่าวบทแผ่เมตตา เพื่อสื่อไปถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยด้วย
สำหระบหนังสือที่นายวัชระนำมาแถลงข่าวนั้น มีเนื้อหาส่วนหนึ่งมีการระบุถึงหลักฐานที่อ้างว่า เป็นเอกสารแสดงการโอนเงินจากรัฐบาลไทย ในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ส่งไปยังประเทศกัมพูชา หลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างนายวัชระกับนายจตุพร เมื่อครั้งสมัครคณะกรรมการองค์การนักศึกษาม.รามคำแหง รวมถึงการอ้างคำพูดของนายรังสรรค์ แสนสุข อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง ซึ่งระบุว่า เป็นผู้ช่วยให้นายจตุพรจบการศึกษา
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1442 ครั้ง