วันที่ 27 เมษายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมของไทย มีกำหนดการที่จะเดินทางไปกัมพูชาเพื่อเจรจากับะพล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมที่กรุงพนมเปญ แต่กำหนดการได้ถูกยกเลิก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปประเทศจีนแทน เนื่องจากสื่อกัมพูชาลงข่าวว่า ไทยยอมแพ้สงครามขอเจรจา พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เดิมนัดคุยกันที่กัมพูชา แต่เนื่องจากมีสื่อกัมพูชา คือเว็บไซต์ข่าวดึมอัมปรึล ได้ลงข้อมูลที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงที่เจรจากัน โดยระบุเหมือนฝ่ายไทยยอมรับความพ่ายแพ้ และขอไปเจรจาสงบศึกที่กัมพูชา ซึ่งพล.อ.ประวิตร เป็นห่วงว่าสังคมจะเข้าใจผิด จึงยกเลิกการนัดเจรจา รอให้การปะทะยุติลงก่อน ซึ่งฝ่ายเรายินดีพูดคุยกับกัมพูชา
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า การปะทะทุกครั้งฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ซึ่งเราก็พร้อมจะตอบโต้อย่างหนักหน่วง ถ้าหากกัมพูชามีการหยุดยิง การปะทะก็จะยุติโดยปริยาย เพราะฝ่ายไทยไม่เคยยิงก่อน ซึ่งเราก็พร้อมจะพูดคุยตลอด แต่ทางฝ่ายกัมพูชาไม่คุยกับเรา พยายามจะเอาประเทศที่สามเข้ามาอยู่ตลอด ส่วนเรื่องสื่อของกัมพูชาที่มักถูกควบคุมโดยอำนาจรัฐ ในขณะที่การเจรจากันทางกัมพูชาต้องการให้หยุดการปะทะกัน แต่ไปปล่อยข้อมูลว่าเรายอมแพ้ เราจึงต้องรอดูก่อนเจรจากันใหม่
“เตีย บันห์”โวยโดนถล่มก่อน
ทั้งนี้ ทันทีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และที่ประชุม ครม.มีมติให้กองทัพยกระดับการตอบโต้กัมพูชาได้แต่ให้กระชับพื้นที่เฉพาะบริเวณปราสาทตาเมือนธมและตาควายนั้น พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กับ “คม ชัด ลึก” ถึงสถานการณ์การสู้รบกันระหว่างไทย-กัมพูชาว่า ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง ส่วนจะจบลงอย่างไรต้องติดตามกันต่อไป ที่ผ่านมาสั่งการให้ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่บริเวณตามแนวชายของทั้งสองประเทศ
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะให้ผมทำอย่างไรได้ ในเมื่อไทยโจมตีผมก่อน และโจมตีมา 5 วัน ผมก็ต้องเอาบ้าง ที่ผ่านมากองทัพกัมพูชาไม่ได้ตอบโต้อะไรเลย แต่เมื่อทนไม่ได้ผมจึงได้สั่งให้มีการตอบโต้ ในเมื่อคนเราอดทนถึงที่สุด และทนไม่ไหวก็จะต้องตอบโต้ถือเป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ตาม ผมไม่สามารถบอกตัวเลขความสูญเสียของประชาชน ทหาร และอาวุธยุทโธปกรณ์ได้ว่าเสียหายไปเท่าใด แต่เมื่อทำสงคราม หรือยิงกันก็จะต้องมีการสูญเสีย” พล.อ.เตีย บัน ระบุ
ยอมอ่อนแบะท่าเจรจา
รองนายกฯ กัมพูชา กล่าวอีกว่า จะไม่เดินทางมาประเทศไทยเพื่อพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ถ้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม อยากจะมากรุงพนมเปญเพื่อหารือยุติปัญหาการสู้รบกับระหว่างไทย-กัมพูชาก็ยินดีต้อนรับ การพูดคุยกันเห็นดีด้วย เพราะหากปล่อยไว้สถานการณ์อาจจะลุกลามบานปลายออกไปได้
“หากมีการพูดคุยกันไม่ว่าจะออกมาลักษณะไหน ผมก็ยินดีทุกอย่างและยินดีต้อนรับด้วย ผมอยากให้มีการพูดคุยกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นผมมองว่ามันเกินความเป็นห่วงไปแล้ว เพราะ 4 วันที่ผ่านมา ทหารไทยตีความตลอด และวันนี้เป็นวันที่ห้า แล้ว สถานการณ์ยังไม่หยุด ยังสู้รบกันอยู่ เมื่อไม่หยุดก็ต้องตอบโต้กัน” พล.อ.เตีย บัน กล่าว
เมื่อถามว่าการพูดคุยเจรจาระหว่าง รมว.กลาโหมของทั้งสองประเทศจะมีการลงนามหยุดยิงด้วยหรือไม่ พล.อ.เตีย บัน กล่าวว่า ยังไม่รู้ จะต้องมาพูดคุยกันก่อน เมื่อยังไม่ได้มีการพูดคุยกันจะตอบไปก็คงไม่มีผลอะไร รวมถึงจะต้องมีการหารือถึงเรื่องการจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี)
กัมพูชาแถลงเล็งถกหยุดยิง
พร้อมกันนี้ช่วงเย็นวันเดียวกัน สื่อต่างประเทศรายงานว่า พล.อ.เตีย บันห์ แถลงว่าได้เจรจากับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทางโทรศัพท์ และได้ข้อสรุปว่าจะจัดการประชุมเพื่อเจรจาในประเด็นการหยุดยิงระหว่างสองประเทศ หลังจากที่เกิดการปะทะตามแนวชายแดนตลอดช่วง 5 วันที่ผ่านมา ทำให้ทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 13 นาย และบาดเจ็บอีก 50 นาย
โดยกระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุว่า พล.อ.เตีย บันห์ ยินดี และตกลงที่จะหารือกับ รมว.กลาโหมของไทย ที่กัมพูชาในระยะเวลาอันใกล้นี้ แถลงการณ์ของกัมพูชาไม่ได้ระบุรายละเอียดของกำหนดวันเจรจา เพียงแต่ระบุว่า พล.อ.ประวิตรเป็นผู้เสนอให้มีการเจรจาหยุดยิง
อนุมัติงบ3พันล้านป้องอธิปไตย
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 มเษายน ได้อนุมัติงบราชการกลางจำนวน 3,000 ล้านบาท ใช้เพื่อการรักษาความมั่นคงของประเทศ ประกอบด้วย 1.อนุมัติให้กองทัพบกจัดซื้อเรดาร์และหัวกระสุนสำหรับเครื่องยิงจรวด 2 ชนิด วงเงิน 1,200 ล้านบาท เพื่อใช้ป้องกันและรักษาอธิปไตยด้านตะวันออกของประเทศไทย และ 2.อนุมัติวงเงิน 1,800 ล้านบาท ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อใช้ดำเนินโครงการเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงของประเทศ
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1305 ครั้ง