รูปภาพ : นายเจอรัลด์ ลีออนส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์
ที่มา : Bloomberg
เหตุแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจะส่งผลกระทบต่อเอเชียในด้านของการค้าระหว่างประเทศ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และระบบโซ่อุปทาน นายเจอร์รัลด์ ลีออนส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ของอังกฤษ กล่าววานนี้ (อังคารที่ 26 เมษายน 2011) ที่เอเชียเฮาส์ในกรุงลอนดอน
“ประเทศขนาดเล็กและเป็นเศรษฐกิจเปิดในเอเชียมีความผันผวนสูงอย่างไม่น่าเชื่อและมักมีความสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันใดๆได้ง่าย” นายลีออนส์กล่าวและเสริมว่า สิงคโปร์ ไทย ฮ่องกง และไต้หวันจะมีการค้าที่ผันผวนมากขึ้นเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงที่ญี่ปุ่น ขณะที่เศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าอย่างอินเดีย อินโดนีเซีย และจีนแผ่นดินใหญ่มีแนวโน้มที่จะสามารถรับมือกับความแปรปรวนได้มากกว่า
สถิติจากฝ่ายวิจัยธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์แสดงให้เห็นว่า ในบรรดาเศรษฐกิจเอเชียทั้งหมด ประเทศสิงคโปร์มีช่องว่างระหว่างค่าสูงสุดและค่าต่ำสุดของการเติบโตปีต่อปีของจีดีพีในรายไตรมาสมากที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
เหตุภัยพิบัติในญี่ปุ่นจะส่งสะเทือนต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI ในหลายๆประเทศในเอเชียเนื่องจากญี่ปุ่นถึงเป็นแหล่งทุน FDI แหล่งใหญ่ในเอเชีย นายลีออนส์กล่าว
“2 ประเทศที่จะได้รับผลกระทบสูงที่สุดได้แก่ ประเทศไทย ซึ่งมียอด FDI จากญี่ปุ่นคิดเป็นกว่า 23.3% และเกาหลีใต้ที่ระดับ 16.8%” นายลีออนส์เสริม
ขณะเดียวกัน เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของชิ้นส่วนด้านไอทีและยานยนต์รายใหญ่ของโลก เหตุแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงนี้กำลังส่งผลสะเทือนไปยังระบบโซ่อุปทานทั้งโลก นายลีออนส์กล่าว
ในเชิงของชิ้นส่วนไอที ญี่ปุ่นครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% ในส่วนของฟิล์มเหนี่ยวนำแอนิโซโทรปิก (Anisotropic Conductive Film), แผ่นเวเฟอร์, แผ่นฟอยล์ทองแดงม้วนบริสุทธิ์ (Wrought Rolled Copper Foil) และ ตัวสเตปเปอร์ในจอ LCD นอกจากนั้นแล้วญี่ปุ่นยังเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จำนวนมหาศาลไม่เฉพาะกับผู้ผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อชั้นนำอย่างฟอร์ด, เจเนอรัล มอเตอร์ และ เปอโยต์ด้วย
จากการระบุของนายลีออนส์ ในเอเชียนั้น ผู้ที่สูญเสียหลักๆจากเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นได้แก่ ผู้ผลิตชิป ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และไอทีในเกาหลีใต้และไต้หวัน ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และไอทีและบริษัทประกอบรถยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้นำเข้าที่ซื้อสินค้าจากญี่ปุ่นเป็นหลัก และภัตตาคารในฮ่องกงและสิงคโปร์ ขณะที่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จะเป็น ผู้ผลิตแผ่นเวเฟอร์ในเกาหลีใต้และไต้หวัน ผู้ผลิตอาหาร, น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG), สินค้าอุปโภคบริโภค, วัสดุก่อสร้าง และ ชิ้นส่วนรถยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีนแผ่นดินใหญ่ โรงแรมและภาคอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงและสิงคโปร์ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการที่รองรับการแห่แหนเข้ามาของคนงานต่างประเทศที่ต้องย้ายฐานมาจากญี่ปุ่นด้วย
ที่มา สำนักข่าวซินหัว
แปลและเรียบเรียงโดย เบ๊นซ์ สุดตา ฝ่ายข่าวเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ Mtoday