ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เลื่อนพิพากษา 6 แนวร่วมพันธมิตร จี้รถเมล์เข้าชุมนุม หลังทนายแถลงมีจำเลยตาย ศาลนัดตัดสินอีกรอบ 10 พ.ค.นี้
วันที่ 29 เมษายน เวลา 11.00 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1701/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธีรเดช วรรณา นายชัยวัฒน์ ทับทอง นายธานี อาจสว่าง นายสมชาย ทองเกียรติ นายพงษ์พันธ์ กาจันทร์ และนายสมชัย หงสา แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลยที่ 1 – 6 ในความผิดฐาน พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะฯ , ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำหรือไม่กระทำการ, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น, มีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310, 371 และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 4, 6, 22, 23 กรณีเมื่อวันที่ 24 พ.ย.51 จำเลยทั้งหกร่วมกันพกอาวุธปืน, ระเบิดปิงปอง ท่อน้ำเป็นเหล็กกลมตัดปลายแหลมยาว, ไม้กระบองท่อนกลม, หนังสติ๊ก, มีดคัตเตอร์ และเครื่องรับส่งวิทยุชนิดมือถือ นำติดตัวขึ้นไปบนรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ(ขสมก.)ครีมแดง สาย 53 เทเวศน์-รอบเมือง ขู่เข็ญพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสาร ผู้เสียหาย เพื่อให้นำรถไปส่งที่ชุมนุมเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งอยู่นอกเส้นทางเดินรถ
อย่างไรก็ดีเมื่อถึงเวลานัด ทนายความจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีในส่วนของนายธานี อาจสว่าง จำเลยที่ 3 ออกจากสารบบความ เนื่องจำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตาย ปรากฏตามสำนำใบมรณะบัตรที่แนบท้ายคำร้อง
ศาลสอบอัยการโจทก์แถลงว่าได้ตรวจสอบแล้วจำเลยที่ 3 เสียชีวิตจริง พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตายจริงตามที่ทนายจำเลยยื่นคำร้อง
เมื่อจำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตายสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมต้องระงับไปตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1) จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะในส่วนของจำเลยที่ 3 ออกจากสารบบความ และเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 10 พ.ค.นี้ เวลา 09.30 น.
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1430 ครั้ง